ตามที่รายงานประจำปีของ Deloitte เกี่ยวกับเทรนด์ด้าน Tech นั้น คาดการณ์ไว้ว่า ตำแหน่งงาน Role ต่างๆ ในสายงาน IT ภายในองค์กรจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องในปี 2561 ตามสภาวะที่องค์กรต่างๆ กำลังปรับเปลี่ยนไปสู่ยุค Digital Transformation และนอกจากนี้ได้ทำนายอีก 8 เทรนด์ที่คาดว่าจะมีผลกับธุรกิจในอีก 1-2 ปีข้างหน้านี้
1. เทคโนโลยีปรับเปลี่ยนโครงสร้าง (Re-engineering Technology)
ตามที่กลยุทธ์ทางธุรกิจนั้นขึ้นกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปแบบแยกกันไม่ได้แล้วตอนนี้ องค์กรผู้นำกำลังเริ่มมีการปรับเปลี่ยนแผนก IT ให้กลายเป็น unit ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้นเพื่อสามารถทำให้ธุรกิจยังคงเติบโตไปได้ เช่น การเพิ่มให้รับผิดชอบระบบ back office เพิ่มขึ้น ระบบหน้างาน operation และรวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือแพลตฟอร์มด้วย เป็นต้น
2. แรงงานที่ไม่ใช่กรรมกร (No-collar workforce)
การเพิ่มขึ้นอย่างมากของระบบ automation และ Artificial Intelligence (AI) นั้นจะเป็นสิ่งที่ต้องการของบริษัทในการสร้างงานรูปแบบใหม่ๆ ออกมา เช่น assign บางงานให้คนและบางงานให้กับเครื่องจักร หรือแบ่งงานกันทำเป็น hybrid มากขึ้น เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้ก็ต้องการ HR แบบใหม่ๆ ที่จะสามารถเข้าใจ ปรับเปลี่ยนแรงงาน และสร้างกฎเกณฑ์ policy แบบใหม่ๆ ที่จะบริหารจัดการแรงงาน virtual และ bot ที่จะทำให้เกิดแรงงานแบบไม่ใช่กรรมกรเกิดขึ้นได้
3. อำนาจของข้อมูลองค์กร (Enterprise data sovereignty)
ธุรกิจที่เพิ่มขึ้นต้องการทำให้ข้อมูลเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ สามารถจัดการได้ข้ามกลุ่มธุรกิจหรือหน่วยงานต่างๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้นั้นๆ บริษัทต่างๆ จะต้องดำเนินการตามวิธีการที่สมัยใหม่ในการออกแบบสถาปัตยกรรมข้อมูล (data architecture) และการจัดการข้อมูล (data governance) โดยใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) เพื่อทำให้เกิดเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของข้อมูล การเก็บข้อมูล และกำหนดสิทธิ์ได้ดีขึ้น
4. หน่วยประมวลผลใหม่ (The New Core)
ในขณะที่ธุรกิจต่างๆ มักจะมองไปถึงระบบ Cloud ระบบ Cognitive หรืออื่นๆ ที่จะช่วยให้เกิดประสบการณ์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า แต่บางครั้งก็มีความล้มเหลวในการใช้งาน ซึ่งระบบ ERP ยุคใหม่ ระบบ Blockchain การเรียนรู้ของเครื่อง Machine Learning การทำ automation และ Internet of Things (IoT) จะสามารถช่วยให้การดำเนินการต่างๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้
5. ความเป็นจริงในโลกดิจิทัล (Digital Reality)
ในขณะที่ระบบความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality หรือ AR) และระบบความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality หรือ VR) ได้ถูกนำมาให้ผู้ใช้งานโดยทั่วไปแล้ว สิ่งที่จะเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้นได้อีกขึ้นกับระดับ enterprise ซึ่งก็มีตัวเลือกมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ก็ถึงเวลาของยุค digital reality แล้ว
6. Blockchain จำนวนมาก (Blockchain to Blockchains)
ตามที่ตอนนี้ blockchain ได้เริ่มมีการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น องค์กรต่างๆ เริ่มมีการตั้งมาตรฐาน standard และแพลตฟอร์มบนเทคโนโลยีนี้เพื่อที่จะขับเคลื่อน blockchain ในอนาคต ซึ่ง Deloitte กล่าวว่านอกจากมองการเริ่มต้นในช่วงนี้ที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรจะมองถึงอนาคตที่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกมากมาย เช่น การเชื่อมกัน ร่วมมือกัน และ orchestration ของหลายๆ blockchain ที่จะทำงานร่วมกันข้าม chain ได้ เป็นต้น
7. API อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (API imperative)
ตามที่บริษัทต่างๆ ได้เริ่มปรับการออกแบบและสร้างทรัพย์สินให้สามารถใช้งานซ้ำ reuse ได้มากขึ้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปรับผลิตภัณฑ์ให้กลายเป็น API หรือไม่ก็ต้องใช้กลยุทธ์ที่สร้างและให้บริการ service และแพลตฟอร์มเพื่อใช้งานทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้ ซึ่งสิ่งนี้ต้องการความสามารถใหม่ๆ เพื่อให้บริการ ควบคุมและจัดการ API ทั้งหลายให้เป็นผลิตภัณฑ์ได้
8. เทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล (Exponential technology watch list)
โอกาสที่เทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังจะมาอย่างมหาศาล ตัวอย่างเช่น การใช้ Quantum Computing ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ AI ซึ่งก็กำลังจะใกล้เป็นความจริงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลให้องค์กรชั้นนำเริ่มที่จะสร้างความสามารถใหม่ๆ ออกมาเพื่อรองรับสิ่งที่ลูกค้าน่าจะมีความต้องการ เพื่อให้เปิดโอกาสที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลได้
