ประเทศไทยของเรานั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว และมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาอย่างไม่ขาดสายจนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นทุกปีนั้นเคยเป็นตัวชี้วัดดูจะไม่เหมาะสมเสียแล้ว วันนี้รัฐบาลไทยจึงปรับกลยุทธใหม่ หันมาสนใจรายได้จากการท่องเที่ยวที่ตั้งเป้าหมายว่าทุกปีจะต้องมีการเติบโตอย่างต่ำร้อยละ 5
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยกลยุทธใหม่ของการท่องเที่ยวไทยที่จะเน้นไปที่การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาที่ประเทศไทยนานขึ้น และใช้จ่ายเงินมากขึ้นในแต่ละวัน
ประเทศไทยต้องการนักท่องเที่ยวแบบชาวออสเตรเลีย กอบกาญจน์กล่าวในตอนหนึ่ง จากข้อมูลการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นักท่องเที่ยวจากประเทศออสเตรเลียนั้นเป็นหนึ่งใน 10 อันดับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงที่สุดต่อคนในปีที่ผ่านมา คือมีการใช้จ่ายอยู่ที่ 5,831 บาทต่อวัน และเป็นกลุ่มที่พำนักในประเทศไทยนานที่สุดใน 10 อันดับ (ประมาณ 14 วัน) กอบกาญจน์กล่าวว่าประเทศไทยต้องการเน้นเป้าหมายไปที่นักท่องเที่ยวที่มีลักษณะดังกล่าวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การปรับกลยุทธ“เน้นคุณภาพ”ในครั้งนี้นั้นไม่ใช่แค่การดึงดูดนักท่องเที่ยวผู้มีกำลังจ่ายสูงเท่านั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณหลากหลายรูปแบบเสมอ ดังนั้นโจทย์ที่สำคัญไม่แพ้การดึงดูดนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักคือการสร้างประสบการณ์ที่”คุ้มค่า”แก่นักท่องเที่ยว เพื่อผลักดันให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยซ้ำ เพิ่มระยะเวลาการพำนักในประเทศไทย และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มไปด้วย
กอบกาญจน์ยังกล่าวเสริมอีกว่า ประเทศไทยต้องผันตัวมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพราะปัจจัยหลายๆอย่างทำให้เราไม่สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกที่สุดได้แล้ว เช่นค่าแรงที่เพิ่มขึ้น หรืออัตราการแลกเปลี่ยน และการมุ่งเน้นไปที่คุณภาพและราคาพร้อมๆกัน จะทำให้ท่องเที่ยวไทยมีจุดแข็งไปแข่งขันกับประเทศในแถบเดียวกัน เช่น พม่า และเวียดนาม
การท่องเที่ยวนั้นคิดเป็นร้อยละ 18 ของ GDP ของประเทศไทย และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประมาณการณ์ว่าในปีนี้ ไทยจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติราว 34.9 ล้านคน เพิ่มจากปีที่ผ่านมาราวร้อยละ 7 และจะเพิ่มขึ้นไปที่ 37.3 ล้านคนในปี 2018 ตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นนี้คาดการณ์ว่าจะช่วยในการเติบโตของเศรษฐกิจได้ร้อยละ 3.5 ในปีนี้ และร้อยละ 3.7 ในปี 2018
ทว่าตัวเลขที่สูงขึ้นนี้ก็มาพร้อมกับความกังวลใจในขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ตั้งแต่สนามบินต่างๆที่มีผู้ใช้บริการแน่นขนัดไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต ที่มีทั้งผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวจนล้นจังหวัด ซึ่งประเด็นนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่การท่องเที่ยวไทยต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเร่งแก้ไขต่อไป