แม้เรายังเหลือเวลาอีกประมาณ 3 เดือนก่อนจะย่างเข้าสู่ปี 2018 แต่สำหรับธุรกิจที่ต้องก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา คงไม่เร็วเกินไปนักที่จะลองดูเทรนด์ของ digital transformation ในปีหน้าเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกัน
(บทความนี้สรุปจาก Top 10 Trends For Digital Transformation In 2018 โดย Daniel Newman นักวิจัยจาก Futurum Research และ CEO ของ Broadsuite Media Group)
1. Internet of Things
Internet of Things หรือ IoT นั้นเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงและคาดว่าจะร้อนแรงอย่างต่อเนื่องในปี 2018 ปัจจุบัน Gartner ได้คาดการณ์ว่ามี “Things” อยู่กว่า 8.4 พันล้านชิ้นในเครือข่าย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 30 กระแสของ IoT นี้จะก่อให้เกิดแหล่งข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ธุรกิจไม่เคยพบเห็นมาก่อนและจะจุดประกายให้เกิดกระแสการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นเพื่อรองรับและนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์
2. Analytics
รูปแบบของการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเนื่องจากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาจากเครือข่าย IoT และจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่างๆถึงขั้นที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติเลยทีเดียว การวิเคราะห์ข้อมูลจากเครือข่ายอุปกรณ์ IoT ที่เก็บข้อมูลได้โดยละเอียดนั้นจะช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยต้นทุนต่ำลง ในขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เช่น IBM, SAS, และ SAP ต่างก็มีการลงทุนไปมากกับการพัฒนาระบบ analytics ขึ้นมารองรับการใช้งานที่หลากหลาย
3. Edge Computing
ความเร็วและจำนวนมหาศาลของข้อมูลที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี IoT จะทำให้การส่งข้อมูลขึ้นไปบน cloud เพื่อใช้งาน cloud computing นั้นไม่เพียงพอสำหรับธุรกิจอีกต่อไป บริษัทอย่าง Cisco และ HPE ต่างก็เริ่มออกสินค้าฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการสำหรับการประมวลผล edge computing ที่จะตอบสนองกับอุปกรณ์ในเครือข่าย IoT ได้รวดเร็วกว่าการประมวลผลบน cloud และ edge computing จะกลายมาเป็นกุญแจหลักในการประมวลผลแบบ real-time ที่ธุรกิจเลือกใช้
(Edge Computing คือ กลไกการเพิ่มประสิทธิภาพของการประมวลผลด้วยการทำการประมวลผลนั้นในตำแหน่งที่ใกล้กับแหล่งที่มาของข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ใช้ขนส่งข้อมูลไปกลับจากระบบ cloud แต่เดิมนั้นนิยมใช้ edge computing ในการประมวลผลง่ายๆ เช่น การเก็บข้อมูล หรือการคัดข้อมูลบางส่วนออก แต่ในปัจจุบันเราสามารถสร้างระบบที่ประมวลผล เก็บข้อมูล และทำการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนกว่านั้นได้แล้ว)
4. 5G
ด้วยปริมาณข้อมูลมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้นในปัจจุบันทั้งจากผู้คนทั่วโลกและ IoT ดังที่ได้กล่าวไป ผู้ให้บริการเครือข่ายย่อมต้องการที่จะให้บริการในความเร็วที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และเทคโนโลยี 5G นั้นก็ดูเหมือนจะเป็นหนทางที่ผู้ให้บริการต้องไปพัฒนาไปสู่อย่างไม่ต้องสงสัย การเปลี่ยนแปลงไปสู่ 5G นั้นอาจเป็นกระบวนการที่เป็นไปอย่างช้าๆแต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในปีหน้า รวมไปถึงเทคโนโลยีอื่นๆที่จะเพิ่มความเร็วให้กับเครือข่าย เช่น Gigabit LTE เป็นต้น
5. Blockchain
Blockchain นั้นเป็นเทคโนโลยียอดฮิตประจำปี 2017 อย่างไม่ต้องสงสัย และในปี 2018 เราน่าจะได้เห็นแอพพลิเคชั่นของ blockchain ที่หลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่ในวงการการแพทย์ไปจนถึงวงการบันเทิง แม้การเติบโตของการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้อาจไม่หวือหวานัก (คาดการณ์ว่าเพียงร้อยละ 20 ของระบบการเงินจะใช้ blockchain ภายในปี 2020) แต่เมื่อ blockchain สามารถหาจุดยืนของมันได้ ก็น่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ยั่งยืนสืบไป
6. AI
ความเปลี่ยนแปลงของการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่น่าจะเกิดขึ้นในปี 2018 คือการก้าวเข้ามาเป็นเทคโนโลยีกระแสหลักในอุตสาหกรรมต่างๆ และแทรกซึมไปอยู่ทุกที AI จะค่อยๆคืบคลานเข้ามาเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับการใช้งานจากภาคธุรกิจที่มันจะกลายมาเป็นส่วนที่แยกจากกันไม่ออกที่ผู้คนอาจไม่ให้ควานสนใจเป็นพิเศษอีกต่อไป แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้นก็จะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆและผลิตระบบอัตโนมัติที่เร็วกว่า ถูกกว่า และฉลาดกว่าขึ้นมาให้ธุรกิจนำไปใช้งานอย่างต่อเนื่อง
7. VR
เป็นที่น่าเสียดายว่าปี 2018 ที่จะถึงนี้น่าจะไม่ใช่ปีของ Virtual Reality (VR) ที่โดน Augmented Reality (AR) เบียดออกไป AR นั้นมีการใช้ง่ายที่ง่าย มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า VR อีกทั้งความสามารถในการจำลองภาพ 3D ขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือนั้นยังมีการใช้งานที่หลากหลาย เช่นการนำไปใช้ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ เป็นต้น
8. Failure As A Service
การทำ digital transformation ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลานั้นไปได้ดีกับแนวคิด “fail fast” ฉะนั้นเราอาจได้เห็นบริการที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถ visualize สร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ และดำเนินการอื่นๆในลักษณะ fail fast ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกลยุทธได้อย่างรวดเร็วซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จ แน่นอนว่าบริการเหล่านี้อาจจะไม่ได้ถูกเรียกว่า Failure As A Service โดยตรง แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดคือความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งไหนใช้การไม่ได้นั้นจะเป็นใจความสำคัญของธุรกิจในยุค digital transformation
9. Culture
วัฒนธรรมขององค์กรก็ยังคงเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของการทำ digital transformation การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเทคโนโลยีที่เกิดใหม่ขึ้นทุกวันจะทำให้วัฒนธรรมขององค์กรนั้นทวีความสำคัญขึ้น และองค์กรที่ไม่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วหรือกลัวที่จะทลายอารยธรรมเก่าแก่นั้นอาจจะต้องพบเจอกับความยากลำบากมากขึ้นในปี 2018
10. Digital Transformation
ในปี 2018 นั้น digital transformation จะไม่ใช่เรื่องที่ควรทำอีกต่อไป เพราะมันจะกลายมาเป็นเรื่องจำเป็นที่ธุรกิจที่แข่งขันในตลาดจะต้องทำ ปรากฏการณ์ในลักษณะ disruptive จะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆใน 2-3 ปีข้างหน้า และธุรกิจที่ไม่พร้อมรับการแข่งขันและความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นก็จะต้องกลายเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตามไปในที่สุด