แม้งานเปิดตัวโทรศัพท์และอุปกรณ์อื่นๆของ Google ที่เพิ่งผ่านพ้นไปในวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมาจะถูกจั่วหัวว่า “Hardware Event” แต่พระเอกหลักของงานดูเหมือนจะเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เปิดตัวออกมาหลากหลายรูปแบบจนตาลายเสียมากกว่า บทสัมภาษณ์ของ CEO Sundar Pichai เผยถึงทิศทางของผลิตภัณฑ์ Google ที่กำลังจะเปลี่ยนไปด้วย AI
Google กับ AI
หากเอ่ยถึงปัญญาประดิษฐ์แล้วนั้นคงต้องกล่าวว่า Google เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นในบทบาทของหน่วยงานวิจัย ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ หรือผู้ให้บริการเทคโนโลยีผ่านระบบคลาวด์ ที่ทำให้ภายในบริษัทกูเกิลเต็มไปด้วยโปรเจคเกี่ยวกับ AI ที่หลากหลาย ไล่ตั้งแต่ผู้ช่วยอัจฉริยะ Google Assistant, Google Allo แอพพลิเคชั่นแชทอันชาญฉลาด, ไปจนถึงโปรเจครถยนต์ไร้คนขับ Waymo หนึ่งใน AI ประยุกต์ยอดฮิตประจำยุคสมัย
เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง AI และ Google นั้นแน่นแฟ้นเสียจนผู้ใช้อย่างเราๆนั้นชินไปเสียแล้วกับความน่าทึ่งของการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหรือสร้างความสามารถใหม่ๆให้กับซอฟต์แวร์หรือผลิตภัณฑ์ และการเปิดตัวโทรศัพท์ Google Pixel 2 นั้นก็แสดงให้เห็นถึงจุดนั้นได้เป็นอย่างดี ด้วยการจับเทคโนโลยีดังกล่าวมาใส่ในสมาร์ทโฟน และพัฒนา hardware ที่สามารถประมวลผลซอฟต์แวร์ AI ร่วมกันทั้งในตัวอุปกรณ์และบน cloud กูเกิลพาชีวิตผู้ใช้ไปใกล้กับ AI อีกก้าวหนึ่ง
Google Clips ผลิตภัณฑ์จากแนวคิด AI-First
ทว่าในงาน Google Hardware Event ในปีนี้ กูเกิลก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์บางอย่างที่แตกต่างออกมาจากรูปแบบการนำ AI มาใช้เดิมๆ สิ่งนั้นคือ Google Clips กล้องตัวจิ๋วที่จะทำการถ่ายภาพเคลื่อนไหวความยาว 7 วินาทีโดยอัตโนมัติหากมันพบว่ามีอะไรที่”น่าสนใจ”ให้ถ่าย กล้องราคา $299 นี้ฉลาดพอที่จะรู้ได้ว่าตอนไหนที่คนหน้าเลนส์กำลังมีสีหน้าที่ดี แสงที่ดี และองค์ประกอบที่สวยงาม อีกทั้งยังจะฉลาดขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป
ความพิเศษของ Google Clips นั้นไม่ใช่เพียงแค่การรวมตัวกันของซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดอย่างเหลือเชื่อและ hardware ที่ประมวลผลสิ่งเหล่านั้นได้แม้มีขนาดเล็กจิ๋ว แต่เป็นการที่มันเป็นผลิตภัณฑ์ Google ที่จะเกิดไม่ได้เลยหากไม่มีเทคโนโลยี AI
“เกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มี AI” สำคัญอย่างไร? ผลิตภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ และบริการทั้งหลายในตลาดปัจจุบันนั้นแทบทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นการนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา แต่กับ Google Clips แล้วทิศทางของไอเดียนั้นตรงกันข้าม กล่าวคือ Google Clips เป็นผลิตภัณฑ์ที่”ได้รับแรงบันดาลใจ”จากการมีอยู่ของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน เมื่อมีซอฟต์แวร์ AI ที่มีความสามารถและฉลาดพอ จึงสามารถสร้างกล้องที่คอยแอบเก็บบรรยากาศดีๆโดยอัตโนมัติได้
แนวคิด AI-First นี้คือสิ่งที่ CEO Sundar Pichai กำลังผลักดันให้เกิดขึ้นในกูเกิล เขาต้องการให้ AI ไม่เป็นเพียงแค่ feature หนึ่งในซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ แต่อยู่ในทุกๆขั้นตอนของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ไอเดีย การออกแบบ การสร้าง hardware จนถึงการพัฒนา software
“เราจะใช้ AI เพื่อมองผลิตภัณฑ์ในมุมมองใหม่ได้อย่างไรบ้าง”
Sundar Pichai ต้องการให้ AI เปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ของ Google ไปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาฝันถึง AI ที่สามารถเปลี่ยนหน้าตา user interface ของแอพพลิเคชันได้ตามใช้งานจริงของผู้ใช้ ถึงผลิตภัณฑ์ที่สามารถเรียนรู้และปรับเปลี่ยนตัวเองให้ตรงกับความต้องการในการใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่น้อยมากในตลาดปัจจุบัน
“ผมเปิด Google Fit [ทุกวัน] ไปที่หน้าแรก แล้วผมก็ต้องเปลี่ยนไปอีกหน้าหนึ่งตลอด” เขายกตัวอย่างกรณีที่เขาอยากให้ AI รู้ได้ว่าเมื่อผู้ใช้เข้ามาที่แอพพลิเคชันแล้วควรแสดงหน้าใดออกมา
หรือในเคสที่ล้ำไปกว่านั้น Pichai กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาแก้ไขหนึ่งในปัญหาที่น่ากังวลใจของตัวมันเองอย่างปัญหาความเป็นส่วนตัว “ในอนาคต ระบบจะฉลาดขึ้นจนรู้ได้ว่าข้อมูลใดมีความละเอียดอ่อนต่อผู้ใช้ เพราะมันจะเข้าใจบริบทได้ดีขึ้น” เขากล่าว “[มันควรจะ]ปฏิบัติกับข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพคนละแบบกับ[ข้อมูล]การค้นหาร้านอาหารเพื่อไปรับประทานกับเพื่อน”
อย่างไรก็ตาม แม้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในงาน Google Hardware Event ครั้งนี้จะเปิดตัวออกมาได้สวยงาม แต่มันก็ยังเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็กๆภายในบริษัท Google เท่านั้นในปัจจุบัน ซึ่ง Pichai เชื่อว่ากว่าจะเติบโตเป็นรายได้ที่มีตัวตนในงบการเงินของกูเกิลก็ต้องในอีก 5 ปีข้างหน้า
มีแต่กูเกิลที่ทำได้?
แนวคิดในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาหลอมรวมในทุกขั้นตอนของการสร้างผลิตภัณฑ์นั้นอาจเป็นแนวคิดที่ฟังดู”มีแต่กูเกิลเท่านั้นที่ทำได้”ในตอนนี้ แต่ในอีก 5 หรือ 10 ปีที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี AI ที่มีประสิทธิภาพสูงใช้งานได้จริงขยายวงกว้าง มันอาจกลายมาเป็นแนวปฏิบัติที่องค์กรทุกขนาดสามารถนำมาใช้ได้ และอาจเป็นอีกหนึ่งทางที่ AI จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของพวกเราไปโดยสิ้นเชิง