การชำระหรือโอนเงินข้ามประเทศแต่เดิมอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ใช้เวลานาน และมีค่าใช้จ่ายเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่ต้องการชำระ เทคโนโลยี cryptocurrency นั้นอาจเป็นหนทางหนึ่งในการบรรเทาปัญหาดังกล่าว และในวันนี้สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดิอาระเบียก็ได้จับมือกันร่วมทดลองระบบธุรกรรมดังกล่าวผ่านสกุลเงินดิจิทัล
ธนาคารกลางของสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้แถลงถึงการร่วมมือกับประเทศซาอุดิอาระเบียในการจัดตั้งสกุลเงินดิจิทัลบนเทคโนโลยี blockchain ร่วมกัน ซึ่งจะกลายมาเป็นสกุลเงินที่ถูกใช้ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศทั้งสองที่มีประสิทธิภาพกว่าแบบดั้งเดิม และนับเป็นการร่วมมือระหว่างผู้กำกับดูแลการเงินระดับประเทศในการพัฒนา cryptocurrency เป็นครั้งแรกในพื้นที่ใกล้เคียง
สกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวนี้ปัจจุบันยังเป็นเพียงโครงการริเริ่มที่ไม่มีกำหนดแน่ชัดถึงเวลาเปิดตัว ทั้งนี้ทั้งนั้น สกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวจะถูกออกแบบมาเพื่อการทำธุรกรรมระหว่างหน่วยงานด้านการเงินและธนาคารพาณิชย์ภายในสองประเทศเท่านั้น ซึ่งนั่นแปลว่าผู้บริโภคทั่วไปภายในประเทศทั้งสองจะไม่สามารถใช้กลไกหรือสกุลเงินดังกล่าวได้
การร่วมมือในครั้งนี้แสดงให้เราเห็นถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของธนาคารกลางซาอุดิอาระเบียผู้ซึ่งมีท่าทีไม่สนับสนุน cryptocurrency ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยในเดือนตุลาคมนี้ ที่ปรึกษาอาวุโสของ Saudi Arabia Monetary Authority (SAMA) ได้กล่าวว่า cryptocurrency นั้นยังไม่มีวุฒิภาวะที่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางต้องหันมากำกับดูแล อีกทั้งยังได้มีบุคลากรทางศาสนาผู้มีชื่อเสียงออกมาให้ความเห็นว่า cryptocurrency ทั้งหลายนั้นผิดหลักศาสนาตามกฎของศาสนาอิสลาม เนื่องด้วยธรรมชาติอันไม่ชัดเจนของมัน
ในขณะเดียวกัน UAE และดูไบนั้น เป็นรัฐที่มีความกะตือรือร้นด้านการประยุกต์ใช้ cryptocurrency มาโดยตลอด ซึ่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมารัฐบาลดูไบก็เพิ่งได้เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล emCash เป็นของตัวเองไป