เซิ่นเจิ้น, จีน/ 7 พฤษภาคม 2561 – หัวเว่ยเผยวิสัยทัศน์อุตสาหกรรมทั่วโลก ปี 2025 (Global Industry Vision – GIV 2025) ซึ่งเป็นรายงานฉบับใหม่ที่คาดการณ์อนาคตของอุตสาหกรรมและสังคมในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
ด้วยข้อมูลเจาะลึกด้านแนวโน้มอุตสาหกรรมและความแข็งแกร่งด้านธุรกิจของหัวเว่ย รายงาน GIV 2025 มีวิธีวิจัยเฉพาะของตัวเอง ด้วยการใช้ข้อมูลผสมผสานต่าง ๆ และการวิเคราะห์แนวโน้มเพื่ออธิบายถึงแนวโน้มด้านไอซีทีทั่วโลกและวาดภาพพิมพ์เขียวของอุตสาหกรรมไอซีที ครอบคลุมกว่า 170 ประเทศทั่วโลก รายงานฉบับนี้ครอบคลุมใน 3 มิติ คือ ทุกสิ่งอย่างสามารถเชื่อมต่อได้ (All things connected), ทุกสิ่งอย่างสามารถสื่อสารได้ (All things sensing) และทุกสิ่งอย่างมีความอัจฉริยะ (All things intelligent) โดยใช้ตัวชี้วัด 37 ตัว ซึ่งรวมถึงจำนวนดาต้าที่เกิดขึ้น ร้อยละขององค์กรที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และจำนวนสมาร์ทดีไวซ์
จากรายงานดังกล่าว ในปี 2025 ทุกสิ่งอย่างจะสามารถสื่อสารและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และนำพวกเราทุกคนเข้ามาอยู่ในโลกที่ทุกอย่างมีความเป็นอัจฉริยะ รายงาน GIV 2025 ได้คาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2025 จำนวนสมาร์ทดีไวซ์ส่วนบุคคลจะมีมากถึง 40,000 ล้านชิ้น และทั่วโลกมีปริมาณการเชื่อมต่อถึง 100,000 ล้านครั้ง สร้างเศรษฐกิจดิจิทัลมูลค่าสูงถึง 23 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
มร. วิลเลียม ซวี กรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของหัวเว่ย
ในระหว่างการแถลงข่าวเปิดตัวรายงาน Global Industry Vision (GIV) ปี 2025
มร. วิลเลียม ซวี กรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของหัวเว่ย กล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่หัวเว่ยได้เปิดเผยรายงาน GIV ฉบับนี้ จากข้อมูลและการคาดการณ์ถึงอนาคต เราหวังที่จะเผยพิมพ์เขียวของโลกอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป้าหมายของเราคือการวางโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยเตรียมความพร้อมของระบบนิเวศอุตสาหกรรมไอซีทีอันหลากหลายให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกอัจฉริยะได้อย่างแท้จริง และจับมือร่วมกับพันธมิตรของเราเพื่อสร้างโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันได้อย่างเต็มรูปแบบ”
รายงาน GIV 2025 บ่งชี้วิสัยทัศน์ 3 ด้าน :
วิสัยทัศน์ 1: ทุกอย่างสามารถสื่อสาร เชื่อมต่อดีขึ้นและมากขึ้น นำพาทุกอย่างเข้าสู่โลกอัจฉริยะ
ตามรายงาน GIV 2025 โลกอัจฉริยะจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง เมื่อทุกสิ่งสามารถสื่อสารและเชื่อมต่อกันได้ ในราวปี 2025 คาดว่าจะมีสมาร์ทดีไวซ์ราว 40,000 ล้านชิ้น และมีการเชื่อมต่อมากถึง 100,000 ล้านครั้งทั่วโลก โดยมีอินเทอร์เน็ตสำหรับอุตสาหกรรมเป็นแหล่งกำเนิดหลักของการเชื่อมต่อจำนวนแสนล้านนี้ ปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดจากความสามารถในการสื่อสารของทุกสิ่งอย่างจะถูกหล่อหลอมเข้าในทุกอุตสาหกรรม และก่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ มากมาย อาทิ อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์สำหรับอุตสาหกรรม และรถยนต์อัจฉริยะ
ด้วยการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นและมากขึ้น ปริมาณดาต้าก็จะเติบโตขึ้นหลายเท่าทวีคูณ และจะมาจากวิดีโอเป็นส่วนใหญ่ ตลาด Cloud VR จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 292,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2025
รายงาน GIV 2025 ยังได้อธิบายถึงอนาคตข้างหน้า ซึ่งสมาร์ทดีไวซ์และหุ่นยนต์อัจฉริยะจะมีบทบาทมากขึ้น จากการเป็นแค่อุปกรณ์ไปสู่การเป็นผู้ช่วย อัตราการใช้ผู้ช่วยอัจฉริยะจะมีมากถึง 90% ในปี 2025 โดย 12% ของครัวเรือนจะมีหุ่นยนต์บริการอัจฉริยะใช้ในบ้าน และด้วยความช่วยเหลือของหุ่นยนต์นำทาง คนตาบอด 39 ล้านคน และผู้มีปัญหาทางสายตาอีก 246 ล้านคนบนโลกใบนี้จะสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป
วิสัยทัศน์ 2: +Intelligence: หล่อเลี้ยงธุรกิจสายพันธุ์ใหม่ ๆ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ตามข้อมูลในรายงาน GIV 2025 ด้วยการเชื่อมต่อความเร็วสูง, อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์, คลาวด์ที่ใช้เทคโนโลยี AI และแพลตฟอร์ม +Intelligence จะช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดโดยอาศัยการวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการช่วยเหลือที่เป็นอัจฉริยะทั้งหมด
ในปี 2025 เทคโนโลยีอัจฉริยะจะถูกใช้งานอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมขนส่ง จะมีรถอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย 5G มากกว่า 60 ล้านคัน และยนตรกรรมรุ่นใหม่ทั้งหมดจะสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ และเมื่อเทคโนโลยีอัจฉริยะได้ผสมผสานเข้าในภาคการผลิตแล้ว เทคโนโลยีไอซีทีจะผนวกรวมเข้ากับเทคโนโลยีปฏิบัติการได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกมากมายทั้งในด้านนวัตกรรม อุตสาหกรรม ห่วงโซ่แห่งคุณค่า และระบบนิเวศโดยรวม นักวางแผนพัฒนาเมืองจะสามารถสร้างแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนใหม่ ๆ ทั้งในด้านการบริหารความปลอดภัย การวางแผนการขนส่ง และอื่นๆ โดยปรับใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ เข้ากับเมือง ทำให้ประชากรในเมืองมีความปลอดภัย สะดวก และมีคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้นได้ด้วยชีวิตแบบดิจิทัล
วิสัยทัศน์ 3: นวัตกรรมมวลชน: สร้างโอกาสจากเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีมูลค่าถึง 23 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
หัวเว่ยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจดิจิทัลจะมีมูลค่าสูงถึง 23 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และคุณค่าของแพลตฟอร์ม +Intelligence จะมีใช้อย่างกว้างขวางทั้งในภาคการผลิต บริการ การขนส่ง และอื่นๆ อีกมากมาย
ผลลัพธ์ของนวัตกรรมในโลกอัจฉริยะจะเห็นได้ในทุกหนแห่ง โลกอัจฉริยะจะจัดกรอบอุตสาหกรรมใหม่และทำให้เกิดอุตสาหกรรมอัจฉริยะใหม่ ๆ อีกหลายอย่าง อีกทั้งยังช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ เติบโตไปได้ไกลกว่าการคาดการณ์ในปัจจุบันและมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด และในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดนวัตกรรมมากมายด้วย
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GIV 2025 สามารถดูได้จาก www.huawei.com/minisite/giv/en
###
เกี่ยวกับหัวเว่ย
หัวเว่ย ผู้นำทางด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการสื่อสารที่ดีทั่วโลก ด้วยการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบ สร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมแห่งข้อมูล และทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรม หัวเว่ยนำเสนอโซลูชั่นด้านไอซีทีแบบครบวงจร เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ลูกค้าในกลุ่มเครือข่ายโทรคมนาคมและเอ็นเตอร์ไพรส์ อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ และระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง ด้วยกลยุทธ์การสร้างสรรค์นวัตกรรมตามความต้องการของลูกค้าและสัมพันธภาพที่ดีกับพันธมิตร ปัจจุบัน พนักงานกว่า 180,000 คนทั่วโลกของหัวเว่ยมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ กลุ่มลูกค้าองค์กรและผู้บริโภคทั่วไป ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นไอซีทีของหัวเว่ยได้รับการติดตั้งในกว่า 170 ประเทศในทุกภูมิภาคของโลก และให้บริการประชากรกว่าหนึ่งในสามของโลก หัวเว่ยก่อตั้งขึ้นใน2530 และเป็นบริษัทเอกชนที่มีพนักงานเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของหัวเว่ย ได้ที่ www.huawei.com/th
ติดตามเราได้ที่
http://www.linkedin.com/company/Huawei
http://www.twitter.com/Huawei
https://www.facebook.com/HuaweiTechThailand
http://www.google.com/+Huawei
http://www.youtube.com/Huawei