ในขณะที่นิวยอร์คพยายามปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนให้มาตรงเวลาและใช้มือถือชำระค่าโดยสารนั้น ผู้โดยสารในกรุงปักกิ่งกำลังจะได้ใช้บริการจากเทคโนโลยีขั้นสูง ตามรายงานของ China Daily ปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนกำลังพิจารณาใช้เทคโนโลยีการรู้จำทางชีวภาพ (bio-recognition technology) ในสถานีรถไฟใต้ดินผ่านการสแกนฝ่ามือและใบหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความแออัดตามสถานีหลักในช่วงเวลาเร่งด่วนได้
เทคโนโลยีทั้งสองนี้จะช่วยให้ผู้โดยสารสามารถผ่านช่องจำหน่ายตั๋วไปได้โดยไม่ต้องหยุดรูดบัตรหรือแตะสมาร์ทโฟนเลย ระบบมีลักษณะคล้ายกับระบบ EZ Pass แต่แท็ก EZ Pass ก็ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าหรือฝ่ามือ ผู้โดยสารเพียงแตะมือผ่านเข้าสถานี ก็สามารถผ่านเข้าไปยังสถานีได้โดยค่าตั๋วจะถูกหักจากบัญชีออนไลน์อีกที
รายงานเผยว่า ภาพฝ่ามือที่สแกนไว้แล้วจะนำมาเทียบกับฐานข้อมูลฝ่ามือได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และในเมื่อปักกิ่งนั้นมีเส้นทางเดินรถไฟถึง 22 สาย และมีปริมาณผู้โดยสารมากถึง 10 ล้านคนต่อวันแล้ว แน่นอนว่าระบบขนส่งที่ยิ่งมีประสิทธิภาพย่อมสำคัญเป็นอันดับต้นๆ อีกทั้งเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดจำนวนการเลี่ยงชำระค่าโดยสารได้อีกด้วย
อัตราการเพิ่มระบบตรวจตราสอดส่องทั้งการใช้ระบบพิสูจน์ใบหน้าและการสแกนมืออาจทำให้ประชาชนรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ดี ประชาชนชาวจีนก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มคุ้นชินบ้างแล้ว เพราะจากการบังคับใช้งานระบบสแกนใบหน้าและทะเบียนรถก็ทำให้รัฐบาลสามารถลดอัตราการเกิดอาชญากรรมได้ อีกทั้งระบบตรวจตราดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกนำไปใช้งานที่มีจุดประสงค์ไม่ดีแต่อย่างใด กระทั่งตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในบางพื้นที่ก็มีการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อเร่งคิวและทำเวลาในการสั่งอาหาร
ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม เราก็น่าจะได้เห็นซอฟต์แวร์พิสูจน์ใบหน้าและเครื่องสแกนฝ่ามือที่ปักกิ่งในช่วงปลายปีนี้ และคงจะได้เห็นถึงผลลัพธ์ในช่วงเวลาเร่งด่วนในมหานครแห่งนี้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร