ผู้ปลูกกัญชาในสหรัฐอเมริกาหันมาให้ความสนใจกับเทคโนโลยี Internet of Things กันมากขึ้นเรื่อยๆหลังจากพบว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่ช่วย Optimize การใช้ไฟฟ้า น้ำ และสารอาหารสำหรับต้นไม้ของพวกเขา
หลังจากในบางรัฐได้ประกาศให้กัญชาถูกกฎหมาย มันได้กลายมาเป็นตลาดใหม่ที่มีการแข่งขันเข้มข้นไม่แพ้สินค้าประเภทอื่นๆ นักปลูกกัญชาจึงต้องเริ่มมองหาวิธีที่จะช่วยให้พวกเขาได้ผลิตผลมากขึ้นจากต้นกัญชาที่ปลูก และหนึ่งในวิธีการนั้น ก็คือการใช้เทคโนโลยี Internet of Things เข้ามาช่วย
ในหมู่นักปลูกกัญชา เริ่มมีการการพัฒนาเรือนกระจกที่ติดตั้งด้วยระบบเซ็นเซอร์เพื่อติดตามสภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตของต้นกัญชา ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความร้อน ความชื้น หรืออื่นๆ การนำ IoT เข้ามาใช้งานเช่นนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถควบคุมสภาพแวดล้อม ลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียผลผลิตโดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังช่วยให้นักปลูกเข้าใจมากขึ้นถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูกกัญชา
Tim Guiterman – CMO แห่งบริษัท InfiSense ผู้ให้บริการ IoT ครบวงจรกล่าวว่าบริษัทของพวกเขาได้ร่วมงานกับนักปลูกกัญชาในที่ร่มและผู้ให้คำปรึกษาหลายรายเกี่ยวกับระบบดังกล่าว และเป็นที่น่าสนใจว่านักปลูกบางรายนั้นมีการใช้เทคโนโลยี IoT ปลูกกัญชาในระดับเดียวกับเทคโนโลยีการจัดการสิ่งปลูกสร้างขั้นสูงในอุตสาหกรรมไฟฟ้าเลยทีเดียว
นอกจากนี้ เขายังพบว่าผู้ปลูกกัญชายังมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้ IoT มากกว่าระบบปรับสภาพแวดล้อมอัตโนมัติแบบเดิมๆ เพราะ IoT นั้นมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและติดตั้งง่ายกว่าด้วย
ตลาดกัญชานั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังกระแสของการอนุญาตให้จำหน่าย ใช้ และปลูกได้อย่างถูกกฎหมาย สิ่งที่ตามมาคือธุรกิจที่เกิดขึ้นเพื่อซัพพอร์ตการปลูกกัญชาของผู้คน ซึ่งดูเหมือนว่า IoT จะมีอนาคตที่สดใสในแวดวงนี้ทีเดียว
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือการที่การปลูกกัญชาได้แสดงให้เราได้เห็นภาพของเกษตรกรรมในที่ร่ม (Indoor Agriculture) ที่เป็นที่พูดถึงกันมานานแต่กลับไม่เติบโตนัก ทั้งการจัดสรรพื้นที่และพลังงาน การติดตามสถานะของสภาพแวดล้อมด้วย IoT และการ Optimize สภาพแวดล้อมเพื่อผลิตผลที่มากขึ้น