นักวิจัยจาก MIT พัฒนาโมเดล Deep Learning ที่สามารถตรวจจับมะเร็งเต้านมได้ล่วงหน้าสูงสุด 5 ปี อีกทั้งยังสามารถทำงานได้กับทั้งผู้ป่วยผิวขาวและผิวสี ซึ่งในกลุ่มหลังนั้นโมเดลที่ผ่านมามักทำงานได้ไม่แม่นยำ
ทีมวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือของห้องแล็ป CSAIL และโรงพยาบาล Massachusetts General Hospital เผยถึงสำเร็จในการพัฒนาระบบ AI ดังกล่าวด้วยการใช้ข้อมูลจากแมมโมแกรม (ภาพเอ็กซ์เรย์เต้านม) และผลการตรวจของผู้ป่วยมากกว่า 60,000 รายในโรงพยาบาล Massachusetts General Hospital โดยระบบ Deep Learning จะวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้เพื่อมองหาสัญญาณเตือนที่มนุษย์อาจไม่เข้าใจ และทำนายออกมาว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงจะเป็นมะเร็งหรือไม่ได้ล่วงหน้าสูงสุดถึง 5 ปี ซึ่งแม้จะไม่ใช่วิธีวินิจฉัยแบบที่แพทย์มักใช้ในปัจจุบัน (เช่น วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ) แต่คณะวิจัยก็พบว่าโมเดลนี้มีความแม่นยำสูงกว่า
จุดเด่นที่สำคัญของระบบดังกล่าวคือการที่โมเดลนี้สามารถวินิจฉัยโรคในคนไข้ผิวสีด้วยโดยปราศจากอคติ จากสถิติแล้ว ผู้หญิงผิวสีนั้นมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตด้วยมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้หญิงผิวขาวถึง 42% โดยในการพัฒนาระบบ นักวิจัยได้คัดเลือกข้อมูลที่มีความครอบคลุมสำหรับกลุ่มสตรีทั้งสองสีผิว
ทีมนักวิจัยกล่าวว่าเป้าหมายหนึ่งในการพัฒนานี้ คือการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพชนกลุ่มน้อย (Minorities) ได้อย่างแม่นยำ เพราะปกติแล้วข้อมูลของชนกลุ่มน้อยมักถูกละเลยหรือมีจำนวนน้อย ทำให้ AI ไม่สามารถทำงานได้แม่นยำเท่ากลุ่มอื่น ซึ่งในแวดวง AI ปัญหานี้ถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของ”อคติ”ในอัลกอริทึม
ทีมนักวิจัยตั้งใจนำระบบดังกล่าวไปใช้ช่วยแพทย์ในการสร้างโครงการสกรีนผู้ป่วยล่วงหน้าเพื่อป้องกันการตรวจพบมะเร็งเมื่อสายเกินไป อีกทั้งหวังว่าจะสามารถพัฒนาระบบลักษณะเดียวกันนี้เพื่อตรวจโรคอื่นๆที่มีขั้นตอนการวินิจฉัยที่ไม่ค่อยแม่นยำได้ด้วย