
จากสถิติสภาพภูมิอากาศที่มีการบันทึกกันมา 141 ปีนั้น มกราคม 2563 นั้นได้กลายเป็นมกราคมที่ร้อนที่สุดเท่าที่นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน National Centers for Environmental Information จากองค์กร NOAA ของสหรัฐบันทึกข้อมูลมา โดยอุณหภูมิทั้งบนพื้นดินและมหาสมุทรนั้นได้สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยในศตวรรษที่ 20 ถึง 1.14 องศาเซลเซียส ซึ่งได้ทุบสถิติที่เคยบันทึกไว้ในมกราคม 2559 ไปอีก 0.02 องศาเซลเซียส
สิ่งนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอะไรมากนัก เพราะปี 2562 นั้นได้เป็นปีที่ร้อนที่สุดอันดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเดือนมิถุนายน 2562 นั้นเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ และนักวิจัยก็ได้บันทึกว่าที่ทวีปแอนตาร์กติกานั้นมีอุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยบันทึกมา จากข้อมูลของ NOAA วันที่ 10 มกราคม 2563 เป็นวันที่ร้อนที่สุดเท่าที่ปรากฎมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งสิ่งที่ทำให้ปีนี้มีความแตกต่างเป็นพิเศษนั้นคือการไม่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) อาจเนื่องจากภาวะโลกร้อนที่อาจส่งผลกระทบก็เป็นได้
จากรายงานของ NOAA นั้น ส่วนหนึ่งในประเทศรัสเซีย สแกนดิเนเวีย และแถบฝั่งตะวันออกของแคนาดานั้นจะพบเห็นพื้นดินมีอุณหภูมิที่อุ่นกว่าโดยเฉลี่ยได้มากที่สุด โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 5 องศาเซลเซียส ส่วนแถวอะแลสกาและทางตะวันตกของแคนาดานั้นจะยังมีอุณหภูมิที่เย็นอยู่
JUST IN: January 2020 surpassed 2016 as the warmest #January on record for globe, according to @NOAANCEIclimate https://t.co/Y88Yf1yBud #StateOfClimate pic.twitter.com/2rkFPVi85r
— NOAA (@NOAA) February 13, 2020
นักวิจัยกล่าวว่าโลกได้ร้อนขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดย UN ได้กล่าวว่าแม้ว่าประเทศต่างๆ จะปฏิบัติตามข้อตกลงปารีสแล้ว สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปก็จะยังคงเป็นหายนะครั้งใหญ่อยู่ดี ในขณะเดียวกัน การประมาณการณ์บางอย่างได้บอกว่าการปล่อยมลพิษในปัจจุบันจะทำให้โลกร้อนขึ้นมากกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้ชั้นดินเยือกแข็งในทวีปอาร์กติกละลายไปได้ราว 2 ล้านตารางไมล์ ทำลายแนวปะการังในมหาสมุทรได้มากกว่า 70% และทำให้ประชากร 14% จะต้องพบเจอกับความร้อนระดับสาหัสได้
Source : https://www.engadget.com/2020/02/13/january-2020-hottest-on-record/