ETDA จับมือ IBM ใช้บล็อกเชนพัฒนามาตรฐานการทำธุรกรรมดิจิทัลในไทย คาดเริ่มทดลองภายในปีนี้

0

วิถีชีวิตของผู้คนชาวไทยนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด 19 ในปัจจุบัน เราสามารถทำธุรกรรมหลายชนิดได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ทว่าก็ยังมีธุรกรรมอีกหลายชนิดที่ยังคงความยุ่งยาก ใช้เวลานาน และต้องการเอกสารเพื่อยืนยันความถูกต้อง สำนักพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA จึงร่วมมือกับ IBM ศึกษาและนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว

ธุรกรรมในปัจจุบัน ขั้นตอนเยอะ ใช้เวลานาน และต้องไปทำเองอยู่เสมอ

งานธุรกรรมโดยทั่วไปนั้นมักมีลักษณะร่วมกันหลายอย่าง เช่น ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องและการทุจริตข้อมูล ต้องมีการอนุมัติหลายขั้นตอน หรือต้องมีการยืนยันให้ได้ว่าผู้ที่ทำธุรกรรมนั้นเป็นตัวตนจริงของผู้ได้รับอนุญาต เงื่อนไขเหล่านี้ทำให้ธุรกรรมส่วนใหญ่มักดำเนินไปอย่างล่าช้า มีขั้นตอนเยอะ ต้องตรวจสอบหลายรอบ และผู้ทำธุรกรรมต้องเสียเวลาไปดำเนินการเองอยู่เสมอ

ETDA และ IBM เล็งเห็นว่า เทคโนโลยี Blockchain นั้น สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และทำให้การดำเนินธุรกรรมเร็วขึ้นได้ ด้วยระบบการเก็บข้อมูลที่โปร่งใส ตรวจสอบติดตามได้ สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ป้องกันการปลอมแปลง และมีกลไกในการอนุมัติขั้นตอนอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ทั้งคู่เริ่มต้นความร่วมมือแผนการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการทำธุรกรรม

จะใช้งานได้ต้องมีมาตรฐานก่อน

ทว่าก่อนจะไปถึงขั้นตอนการนำไปใช้งานในธุรกรรมต่างๆ ก็ย่อมต้องมีการกำหนดมาตรฐานในการทำงานร่วมกันก่อน ซึ่งจะทำให้แอปพลิเคชันธุรกรรมในอนาคตนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเปิดโอกาสให้ทำงานร่วมกัน หรือเชื่อมต่อข้อมูลเข้าถึงกันได้ ในวันนี้ ETDA และ IBM จึงกำลังร่วมกันพัฒนามาตรฐานขึ้น โดยเริ่มจาก มาตรฐานของ Decentralised Key Management System (DKMS) สำหรับการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) และลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature)

การยืนยันตัวตน (Digital ID) และการเซ็นชื่อ (Digital Signature) นั้นเป็นขั้นตอนพื้นฐานของการทำธุรกรรมทั่วไปที่เราพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน นั่นหมายความว่าหากมีมาตรฐานหรือแนวทางในการพัฒนาและใช้งานขึ้นมา ก็จะสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาแอปพลิเคชันธุรกรรมได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมกับธนาคาร นิติกรรม การสมัครงาน หรือธุรกรรมอื่นๆกับภาครัฐ

การมีมาตรฐานสำคัญอย่างไร

การกำหนดมาตรฐานนั้นจะเป็นแนวทางให้ธุรกิจและหน่วยงานต่างๆมีความเข้าใจตรงกัน และสามารถพัฒนาระบบ รวมถึงออกเอกสารที่ใช้งานร่วมกันได้ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อมีมาตรฐานด้านการยืนยันตัวตน มหาวิทยาลัยสามารถออกใบสำเร็จการศึกษาที่เป็นไปตามมาตรฐาน ถูกจัดเก็บตามมาตรฐาน และนำไปตรวจสอบได้ตามมาตรฐาน และเมื่อบริษัทได้รับเอกสารสำเร็จการศึกษาที่ได้มาตรฐานนี้ ก็สามารถนำไปตรวจสอบบนระบบที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเอกสารตามมาตรฐานกลางได้

จะเริ่มใช้งานจริงได้เมื่อไหร่

ETDA กล่าวว่ามาตรฐานนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ซึ่งหลังจากพิจารณาเสร็จสิ้น ก็จะมีการนำเสนอต่อสาธารณะเพื่อรับฟังความเห็น และออกร่างฉบับแรกก่อน โดยคาดว่าฉบับ Guideline แรกจะคลอดภายในสิ้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้

หลังจากนั้นจะเป็นช่วงทดลองใช้มาตรฐานนี้กับเอกสารต่างๆที่เหมาะสม เช่น ใบรับรองแพทย์ และ Transcript ซึ่งตามแผนการ คาดว่าจะใช้งานกับ 3 เอกสารแรกได้ภายในสิ้นปี 2021

เมื่อจัดตั้งมาตรฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะนำเสนอและส่งเสริมให้หน่วยงานต่างๆเข้ามาใช้งานและนำไปพัฒนาแอปพลิเคชัน ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งในขณะนี้มีการพูดคุยกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 40-50 รายด้วยกัน


เทคโนโลยี Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวโดดเด่นในเรื่องการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ และความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวของข้อมูล ในปัจจุบัน นิยมนำเทคโนโลยีบล็อกเชนนี้ไปพัฒนาระบบตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูล และระบบอนุมัติจัดการขั้นตอนเอกสาร ซึ่งสามารถช่วยเรื่องความโปร่งใส และประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย

การร่วมมือระหว่าง ETDA กับ IBM ในครั้งนี้อาจเป็นอีกก้าวหนึ่งของประเทศไทย ในการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนธุรกรรมต่างๆให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้กับภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงสร้างความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้ใช้งานทั่วไป จึงหวังว่ามาตรฐานนี้จะออกมาด้วยดี และมีการนำไปใช้งานจริงจากหลายองค์กร