ดีลอยท์รายงานถึงรายได้รวมทั่วโลกที่ 50.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปีงบประมาณสิ้นสุด วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 (ปีงบประมาณ 2564) คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้น 5.5%
“วิกฤตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาล้วนส่งผลกระทบต่อโลกและองค์กรของเราอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เหตุการณ์ทางสภาพอากาศที่รุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง รวมไปถึงความวุ่นวายในสังคม เรารู้สึกโชคดีที่เรายังคงสามารถช่วยเหลือลูกค้า และสนับสนุนพนักงานของเราตลอดช่วงระยะเวลาแห่งความท้าทายนี้” พูนิต เรนเจน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำดีลอยท์ โกลบอล กล่าว “แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก และตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เห็นว่า หากภาคธุรกิจ รัฐบาล และสังคม ร่วมมือกัน เราก็จะสามารถจัดการกับความท้าทายต่างๆที่โลกต้องเผชิญได้อย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบในวงกว้างได้ รูปแบบการร่วมมือกันเช่นนี้เป็นสิ่งที่เราควรต้องทำให้เป็นรากฐาน เพื่อการทำงานที่สอดประสานกันต่อไป”
“ดีลอยท์เป็นผู้นำด้วยการดำเนินการเป็นแบบอย่าง ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านโครงการความร่วมมือต่างๆ รวมถึงค้นหาและลงทุนกับวิธีใหม่ๆ ในการจัดการกับปัญหาที่ท้าทายโลกธุรกิจและสังคม สิ่งที่เราให้ความสำคัญในปีที่ผ่านมาคือการนำความสามารถของบุคลากรดีลอยท์ทั่วโลก ช่วยลูกค้าให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ ฟื้นฟูธุรกิจ และเติบโตต่อไปได้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 การดูแลให้พนักงานของเรามีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง และสามารถทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การช่วยเหลือชุมชนแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความต้องการด้านสุขภาพที่มีมากขึ้นและเปิดโอกาสให้พวกเขาได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น รวมถึงจัดลำดับความสำคัญในเรื่องของสภาพแวดล้อม ในขณะที่องค์กรของเราก็เริ่มเข้าใกล้เป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เข้าไปเรื่อย ๆ” เขากล่าวเสริม
ยืดหยุ่นในการดำเนินงาน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า
ดีลอยท์ให้บริการลูกค้าผ่านการใช้ประโยชน์จากการลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราเชื่อมต่อกันอยู่ตลอดเวลา เพิ่มความแน่นแฟ้นในความสัมพันธ์กับองค์กรพันธมิตร ลงทุนในนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ความสำเร็จของดีลอยท์ในช่วงปีที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของเราในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า
เมื่อเทียบในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ บริการที่ปรึกษาทางการเงินถือว่ามีอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดที่ 12.9% ตามด้วยบริการด้านการสอบบัญชี ซึ่งเติบโตที่ 6.1% การบริการภาครัฐและการบริการสาธารณะคืออุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุด รองลงมาคือเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม รายได้จากลูกค้าของทางฝั่งบริการทางการเงินคิดเป็น 27% ของรายได้รวมทั้งหมด และเมื่อพิจารณาตามภูมิภาคแล้ว เอเชียแปซิฟิก (APAC) ถือว่าเติบโตเร็วที่สุดที่ 14% ตามด้วยยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกา (EMEA) ซึ่งเติบโตที่ 11.3% นอกจากนี้ เรายังสามารถเพิ่มพันธมิตรทั่วโลกและขยายระบบนิเวศทางธุรกิจที่ 24% ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจเพิ่มเติม ได้แก่
- บริการด้านการสอบบัญชี (Audit &Assurance) เดินหน้าให้บริการการตรวจสอบบัญชีที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับบทบาทในการส่งเสริมประโยชน์ส่วนรวมภายใต้ระบบนิเวศการรายงานทางการเงิน โดยใช้แพลตฟอร์มการตรวจสอบบัญชีระดับโลกอย่าง Deloitte Omnia และ Deloitte Levvia เพื่อพัฒนานวัตกรรมการให้บริการตรวจสอบบัญชีทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังช่วยลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องการจัดทำรายงาน ESG อีกด้วย บริการ Assurance ยังช่วยให้ลูกค้าเติบโตทางธุรกิจ เมื่อพวกเขาต้องรับมือกับความซับซ้อนและโอกาสต่างๆ ทั้ง การเงิน การกำกับดูแล และการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ รายได้จากการสอบบัญชี เพิ่มขึ้น 6.1%
- (Consulting) ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างองค์กรที่มีความแข็งแกร่ง และคาดการณ์อนาคตในรูปแบบต่างๆ โดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิค-19 มากที่สุด ดีลอยท์ยังคงเดินหน้าพัฒนาโซลูชันซอฟต์แวร์บนคลาวด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและลงทุนกับเทคโนโลยีสำหรับยุคต่อไป ซึ่งรวมถึงคลาวด์ (Cloud) เอดจ์ คอมพิวติ้ง (edge computing) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยความร่วมมือของเรากับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอีก 15 แห่ง เราได้ประสานระบบนิเวศในการนำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีแบบบูรณาการเพื่อลูกค้า ในรูปแบบที่มีความสร้างสรรค์ การจัดตั้งศูนย์ Deloitte Center for AI Computing และกลยุทธ์การซื้อกิจการแบบกำหนดเป้าหมายทำให้เราก้าวไปสู่การพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ ทั้งนี้ รายได้จากบริการที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการ เพิ่มขึ้น 5%
- บริการที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisory) ดีลอยท์เป็นที่ปรึกษาที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ โดยเฉพาะกิจการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ บริการควบรวมกิจการ (M&A) ของดีลอยท์ยังมีส่วนช่วยในการทำข้อตกลงกว่าหลายพันรายการในช่วงกระแสการควบรวมกิจการในปี 2563 ที่ผ่านมา ทีมดูแลด้านการฟื้นฟูธุรกิจและปรับโครงสร้าง (Turnaround & Restructuring) ของดีลอยท์ ยังมีส่วนสนับสนุนภาครัฐในการบริหารเงินทุนที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 ทั้งสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไป นอกจากนี้ ดีลอยท์ยังได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด-19 ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีหน้าที่ในการให้คำปรึกษาแก่ภาคส่วนต่าง ๆ ที่กำลังประสบปัญหา Deloitte Center for ESG Solutions ได้จัดทำแบบจำลองการกำจัดคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจนเหลือศูนย์ ไฮโดรเจน ไฟฟ้า และพลังงานเชิงปริมาณอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนโครงการสำคัญด้านการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานที่มีความยั่งยืนหลายโครงการ ทั้งนี้ รายได้จากบริการที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้นที่ 12.9%
- บริการที่ปรึกษาด้านความเสี่ยง (Risk Advisory) ช่วยเหลือลูกค้าในการสร้างความไว้วางใจ เสริมความแข็งแกร่งขององค์กร และเพิ่มความแข็งแรงด้านความปลอดภัยให้กับองค์กร ในโลกที่การโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญทางไซเบอร์กว่า 22,000 คนของดีลอยท์จะช่วยให้องค์กรสามารถตระหนักถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงเตรียมพร้อมและตรวจจับภัยคุกคามได้อย่างแม่นยำ เสริมความแข็งแกร่งและรักษาความปลอดภัยให้กับสภาพแวดล้อมของการดำเนินธุรกิจ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถรับมือและกลับคืนสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญของเราทำงานเคียงข้างไปกับลูกค้า เพื่อเปลี่ยนระบบด้านการกำกับดูแลและการควบคุมภายในให้เป็นรูปแบบดิจิทัล เมื่อองค์กรเหล่านี้ต้องเริ่มหันมาพึ่งการทำงานบนช่องทางออนไลน์ และเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ เรายังช่วยผลักดันให้ธุรกิจของลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้เร็วขึ้น ผ่านการให้บริการรูปแบบต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ รายได้จากบริการที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่ 5.6%
- บริการที่ปรึกษาด้านภาษีและกฎหมาย (Tax & Legal) ช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องในการจัดการกับประเด็นต่างๆที่เป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 เมื่อองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องพัฒนาแผนเพื่อการฟื้นตัวและการเติบโตของธุรกิจ การต้องเร่งกำหนดรูปแบบธุรกิจใหม่เป็นสิ่งที่สร้างความท้าทายและถือเป็นเรื่องสำคัญพื้นฐานสำหรับบริการด้านภาษี และยังเป็นตัวขับเคลื่อนให้องค์กรต่าง ๆ มองหารูปแบบการดำเนินการด้านภาษีที่สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการจ้างบุคลากรแบบชั่วคราว (Outsourcing) และการทำงานร่วมกับผู้รับจ้างภายนอก (Co-sourcing) ในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการรายงานและการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับต่างๆ ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าจึงมองหาบริการที่ปรึกษาเพื่อสร้างความยืดหยุ่นและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ผ่านเทคโนโลยี และกระตุ้นการเติบโตในด้านต่าง ๆ เช่น การปฏิรูปนโยบายภาษีที่สำคัญ การเปลี่ยนรูปแบบภาษีเป็นดิจิทัล การควบรวมกิจการ ห่วงโซ่อุปทาน การจ้างงานและการจัดหาแรงงาน รวมไปถึงการจัดทำรายงานความยั่งยืน บริการทางด้านกฎหมายของดีลอยท์ทำงานสอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าด้วยการปรับเปลี่ยนบริการหลัก โดยมุ่งเน้นที่การช่วยเหลือให้องค์กรของลูกค้ามีความยืดหยุ่นตลอดช่วงของการระบาดของโควิด-19 ทำให้ดีลอยท์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการทางด้านกฎหมายดิจิทัลชั้นนำที่ลูกค้าเลือกใช้บริการ และสร้างแนวทางปฏิบัติให้บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการทางกฎหมายเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ รายได้จากบริการที่ปรึกษาด้านภาษีและกฎหมายเพิ่มขึ้นที่ 2.3%
นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ 2564 ดีลอยท์ยังได้ผลักดันความพยายามในการช่วยลูกค้าพัฒนาในเรื่อง ESG และความยั่งยืน ด้วยการใช้แนวทางนวัตกรรม โซลูชันดิจิทัล ข้อมูลอุตสาหกรรมเชิงลึก และบทเรียนจากประสบการณ์ของเราเอง ดีลอยท์ทำงานเคียงข้างกับลูกค้าทุกรายเพื่อพัฒนากลยุทธ์และปรับการดำเนินงานขององค์กร เพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงนี้
Brand Finance ยกย่องให้ดีลอยท์เป็นแบรนด์ด้านการบริการเชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่งและมีมูลค่ามากที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่สาม และนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมยังคงให้การยอมรับความเป็นผู้นำของดีลอยท์ในการบริการหลากหลายด้าน ซึ่งรวมถึงในส่วนของคลาวด์ ไซเบอร์ กลยุทธ์ และการวิเคราะห์
เดินหน้าตามเป้าประสงค์ด้วยการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนและสังคม
ในฐานะองค์กรที่ปรึกษาธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดีลอยท์ดำเนินงานตามเป้าประสงค์ขององค์กร นั่นคือ การสร้างผลกระทบที่สำคัญ หรือ To make an impact that matter สำหรับพนักงานของดีลอยท์แล้ว เรื่องนี้หมายถึงการทำงานเพื่อจัดการกับความท้าทายที่สังคมกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น สร้างอนาคตที่สถาบันและระบบต่าง ๆ ได้รับความเชื่อมั่นกลับคืนมา ดีลอยท์ยังคงดำเนินการกับความท้าทายที่สำคัญทางสังคม ซึ่งรวมไปถึงความไม่เป็นธรรมทางเชื้อชาติที่แฝงตัวอยู่ในระบบ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ
ในปีงบประมาณ 2564 ดีลอยท์มีความคืบหน้าอย่างมากในด้าน ESG การศึกษา ความเท่าเทียมทางสุขภาพ ความหลากหลาย ความเสมอภาค การยอมรับความแตกต่าง (DEI) สุขภาพจิต รวมไปถึงด้านสิ่งแวดล้อม การลงทุนในการทำประโยชน์ให้กับสังคมในปี 2564 ของดีลอยท์มีมูลค่าสูงถึง 223 ล้านดอลลาร์ ทำให้ยอดรวมการลงทุนภายในระยะเวลาห้าปีของดีลอยท์อยู่ที่ 1.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงาน ESG: ในปีนี้ รายงาน Global Impact Report ของดีลอยท์ได้ผนวกรวมการรายงานเชิงลึกเกี่ยวกับการสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมของดีลอยท์ รวมถึงเจาะลึกถึงโครงสร้างและกระบวนการขององค์กรที่ละเอียดยิ่งขึ้น
ในปีงบประมาณ 2564 ดีลอยท์เริ่มมีการรายงานโดยอิง Stakeholder Capitalism Metrics ของWorld Economic Forum ความริเริ่มนี้เป็นการต่อยอดงานสำคัญที่ดีลอยท์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมใน International Business Council ของ WEF เพื่อส่งเสริมให้มีการนำตัวชี้วัดการรายงาน ESG ที่เป็นเกณฑ์เดียวกันไปใช้ ตัวชี้วัดเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถวัดปัจจัยที่สร้างมูลค่าในการดำเนินงาน เพิ่มความโปร่งใสในการรายงานและเป็นเกณฑ์สำหรับให้ผู้มีส่วนได้เสียใช้เพื่อเปรียบเทียบการดำเนินงานของบริษัท อีกทั้งจะช่วยขับเคลื่อนให้บรรลุการทำงานที่มีประสิทธิภาพในระยะยาวและมีความยั่งยืน
ยิ่งไปกว่านั้น เรายังได้เผยแพร่รายงาน กระบวนการในการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศในส่วนของธรรมาภิบาล กลยุทธ์ การจัดการความเสี่ยง ตัวชี้วัดและเป้าหมาย ขึ้นเป็นฉบับแรก ตามคำแนะนำของ Task Force on Climate Related Financial Disclosures ซึ่งเป็นคณะทำงานว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ โดยรายงานได้ประเมินถึงผลกระทบทางการเงิน รวมถึงตรวจสอบความเสี่ยงและโอกาส จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเปรียบเทียบระหว่างสองสถานการณ์ที่มีสภาพอากาศแตกต่างกัน
การศึกษาและการเสริมสร้างทักษะ: แม้ว่าการระบาดใหญ่ครั้งนี้จะเป็นตัวผลักดันที่ทำให้เกิดกระแสต่างๆ เช่น การเสริมสร้างทักษะใหม่ๆ และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการศึกษา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเผยให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มมากขึ้น ดีลอยท์ตระหนักถึงความท้าทายและตระหนักว่าการศึกษาสามารถช่วยยกระดับชีวิตได้ จึงได้เดินหน้าเต็มกำลังเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่น โดยเร่งให้การสนับสนุนและเพิ่มเป้าหมาย WorldClass ของเราจากการช่วยเหลือผู้คนทั่วโลก 50 ล้านคนเป็น 100 ล้านคนให้ได้ภายในปี 2573 สำหรับในปีงบประมาณ 2564 นั้น เราได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้คนไปกว่า 8.2 ล้านคน และนับตั้งแต่ปี 2560 ที่ได้เริ่มโครงการ ดีลอยท์ได้ให้การช่วยเหลือไปแล้วรวมจำนวน 20 ล้านคน
ตลอดช่วงการแพร่ระบาด ดีลอยท์ได้ลงทุนในโครงการต่าง ๆ ผ่าน WorldClass เพื่อเป็นการรับรองว่านักเรียนจะยังคงได้รับการศึกษา ซึ่งรวมถึงการให้การศึกษาแก่เด็ก ๆ ในหมู่บ้านห่างไกลในอินเดีย และการเป็นพี่เลี้ยงออนไลน์ผ่าน Strive for College ในสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยให้นักเรียนที่ประสบปัญหาด้านการเงินได้มีโอกาสเข้าเรียน สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นมหาวิทยาลัย และเริ่มต้นอาชีพของพวกเขาต่อไป นอกจากนี้ เพื่อให้เราสามารถบรรลุเป้าหมาย WorldClass นี้ ในเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ดีลอยท์ได้เปิดตัว The WorldClass Education Challenge ซึ่งเป็นโครงการที่เชิญชวนนักการศึกษา ผู้ประกอบการ และนวัตกรมาทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของดีลอยท์ และแพลตฟอร์ม UpLink ของ World Economic Forum เพื่อคิดค้นและพัฒนาโซลูชันที่จะช่วยสนับสนุนการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับนักศึกษาทั่วโลกมากยิ่งขึ้น
ความเท่าเทียมด้านสุขภาพ: โควิด-19 เป็นเรื่องที่ท้าทายให้พวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชน ต้องทบทวนถึงสถานะที่เป็นอยู่ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพที่มีความเท่าเทียม และให้บริการในราคาที่คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้
ในปีงบประมาณ 2564 ดีลอยท์ได้ริเริ่ม โครงการกับรัฐบาลของรัฐหรยาณาในประเทศอินเดีย เสนอโครงการการแก้ปัญหาการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข ดีลอยท์ร่วมกับหน่วยงานของรัฐและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ทำการพัฒนารูปแบบเฉพาะสำหรับอินเดีย โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่นในการช่วยเหลือและดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ตามบ้าน ซึ่งไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการน้อยในเขตกรนาล เพื่อผ่อนภาระและช่วยให้โรงพยาบาลในท้องถิ่นสามารถดูแลผู้ป่วยขั้นวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวของดีลอยท์ยังได้เริ่มขยายไปยังแอฟริกา บราซิล และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) และสุขภาพจิต: เราต้องการให้พนักงานของเรารู้สึกได้รับการยอมรับในแบบที่พวกเขาเป็น มีส่วนร่วมในองค์กร และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ความมุ่งมั่นของดีลอยท์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นจากนโยบาย ALLIN ที่ส่งเสริมความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างในทุกแง่มุม โดยเน้นการเคารพระหว่างกันและการไม่แบ่งแยก การช่วยเหลือและการดำเนินการของเรายึดหลักสามประการ ได้แก่ การสร้างความสมดุลทางเพศ การปลูกฝังการไม่แบ่งแยก LGBT+ และการส่งเสริมด้านสุขภาพจิต
โครงการต่างๆ ในปีงบประมาณ 2564 ได้เน้นย้ำให้เห็นว่า สุขภาพจิตเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของบุคลากร ดีลอยท์ได้กำหนดพื้นฐานทางสุขภาพจิตเพื่อวัดปัจจัยด้านความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งถือเป็นคำมั่นสัญญาระดับโลกในการดูแลสุขภาพจิตของคนภายในองค์กรและสังคมโดยรวม ดีลอยท์ได้ร่วมก่อตั้ง Global Business Collaboration for Better Workplace Mental Health ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสุขภาพจิตในที่ทำงานและช่วยอำนวยความสะดวกในการนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถเติบโตในหน้าที่การงานได้
พันธะสัญญาต่อสิ่งแวดล้อม
ดีลอยท์เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศนั้นถือเป็นหนึ่งในความท้าทายของโลกในยุคนี้ ด้วย กลยุทธ์ WorldClimate ของดีลอยท์ เราได้ผลักดันทางเลือกในการแก้ไขด้านสภาพภูมิอากาศอย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งภายในองค์กรของเราเองและภายนอก
- เราสนับสนุนให้บุคลากรกว่า 345,000 คนของเราลงมือแก้ไขปัญหาด้านสภาพอากาศด้วยตัวเอง รวมถึงและชุมชน ดีลอยท์ร่วมมือกับกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wildlife Fund – WWF) พัฒนาโปรแกรมการเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพอากาศสำหรับพนักงานของดีลอยท์ทุกคนอีกด้วย
- ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ Alliance of CEO Climate Leaders หรือ พันธมิตรซีอีโอเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ของ World Economic Forum พูนิต เรนเจน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีลอยท์ โกลบอล ผนึกกำลังซีอีโอกว่า 70 คน ผ่านจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้ผู้นำระดับโลกสนับสนุน “ความมุ่งมั่น นโยบาย และการดำเนินการที่เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ”
- เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของดีลอยท์ได้ผ่านการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระอย่าง Science Based Targets initiative (SBTi) นอกจากนี้ ดีลอยท์ยังมีความมุ่งมั่นที่จะริเริ่มโครงการ Climate Group สามโครงการ สนับสนุนการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน 100% (RE100) การนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ 100% (EV100) และการใช้พลังงาน/การผลิตพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (EP100) ภายในดลอยท์ทั่วโลก โครงการของเราก้าวหน้าเป็นอย่างมากในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ในช่วงปีงบประมาณ2564 โดยลดการปล่อยคาร์บอนสัมบูรณ์ลง 41% และลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิต่ออัตราส่วนบุคลากร (FTE) ลง 44% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ2562
“แม้ว่าการระบาดใหญ่และการหยุดชะงักงันของโลกในปีที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นความไม่เท่าเทียมกันในสังคมของเรา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เปิดโอกาสในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจโลก กอบกู้ความไว้วางใจในระบบและธุรกิจ รวมถึงส่งเสริมอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับผู้คนจำนวนมากขึ้นทั่วโลก” พูนิต เรนเจน กล่าวเสริม “อนาคตของเราไม่ได้มีการกำหนดไว้ล่วงหน้า เราสามารถสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อไป เพื่อให้เราสามารถเดินไปข้างหน้าต่อไปได้ เป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคธุรกิจ หรือภาคประชาชน จะต้องให้ความสำคัญกับผู้คนและสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก และลงมือทำทันที เพื่อสร้างโลกที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงเตรียมพร้อมและปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นต่อไป”
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบต่อสังคมและการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2564 ของดีลอยท์ได้ที่ 2021 Global Impact Report.