หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 3-4 ปีก่อน คงมีผู้บริโภคน้อยคนที่จะรู้จักสมาร์ตโฟนแบรนด์ realme แต่คล้อยหลังเพียงไม่กี่ปี realme กลับเป็นแบรนด์ที่คุ้นหูผู้บริโภคในวงกว้างอย่างที่หลายคนไม่ทันรู้ตัว ปรากฏการณ์ทางการตลาดที่เกิดขึ้นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เพราะต้องอาศัย Business insight ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างตรงจุด จนสร้างความเชื่อมั่นและทำให้แบรนด์เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
และนี่คือแนวคิดพื้นฐานที่ Sky Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ realme ใช้ในการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด จนขึ้นแท่น Global Brand อันดับ 6 ในเวลาเพียง 3 ปี!
หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 3-4 ปีก่อน คงมีผู้บริโภคน้อยคนที่จะรู้จักสมาร์ตโฟนแบรนด์ realme แต่คล้อยหลังเพียงไม่กี่ปี realme กลับเป็นแบรนด์ที่คุ้นหูผู้บริโภคในวงกว้างอย่างที่หลายคนไม่ทันรู้ตัว ปรากฏการณ์ทางการตลาดที่เกิดขึ้นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เพราะต้องอาศัย Business insight ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างตรงจุด จนสร้างความเชื่อมั่นและทำให้แบรนด์เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
…และนี่คือแนวคิดพื้นฐานที่ Sky Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ realme ใช้ในการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด จนขึ้นแท่น Global Brand อันดับ 6 ในเวลาเพียง 3 ปี!
แนวคิดพื้นฐานที่สุดของ realme คือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของ “หนุ่มสาวรุ่นใหม่” การกำหนดกลุ่มตลาดเป้าหมายที่มีความเฉพาะตัวนี้ทำให้บริษัทฯ สามารถวางแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน โดยจะเน้นเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานขั้นสูง นวัตกรรมที่สร้างความ ‘ว้าว’ สำหรับคนรุ่นใหม่ และงานดีไซน์ระดับโลกที่สวยโดดเด่นสะดุดตา โดยทั้งหมดนี้จะต้องนำเสนอในระดับราคาที่คนหนุ่มสาวสามารถซื้อหาได้อย่างสบายกระเป๋าที่สุด ภารกิจนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายและมีความท้าทายทางธุรกิจอย่างมาก ทำให้ realme ผุดสโลแกน “Dare to Leap” ซึ่งได้กลายมาเป็นแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ จวบจนปัจจุบัน
การให้ความสำคัญกับความคิดของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ไม่ได้จำกัดแค่ในเรื่องผลิตภัณฑ์ หากยังถูกสะท้อนให้เห็นในวัฒนธรรมองค์กรของ realme ด้วย โดยบริษัทฯ เน้นการเฟ้นหาบุคลากรผู้มีความสามารถที่มีอายุราว 20-30 ปี เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของคนหนุ่มสาวอย่างแท้จริง นอกจากนี้ realme ยังพัฒนาโครงสร้างองค์กรแบบแนวราบ (Flat Company Structure) เพื่อให้พนักงานอยู่ในระดับเดียวกันมากที่สุด ทุกคนจึงสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่และเท่าเทียม ซึ่งช่วยสร้างเสริมบรรยากาศการทำงานที่ดี ไม่เกิดการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ และเอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
นวัตกรรมใหม่และสุดยอดงานดีไซน์ที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้
realme ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุด ด้วยกลไกการกำหนดราคาที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการคนรุ่นใหม่ได้รวดเร็วที่สุด เพื่อการสร้างมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด ซึ่งเห็นได้จากการพัฒนาสมาร์ตโฟน GT Series ซึ่งทำให้ realme กลายเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนรายแรกที่นำเสนอเทคโนโลยีชาร์จเร็ว UltraDart Charging 125 วัตต์ และใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 เป็นเจ้าแรก ทั้งยังเป็นแบรนด์แรกที่เสนอขายสมาร์ตโฟนระบบ 5G ในราคาไม่เกิน 200 ดอลลาร์ พร้อมสุดยอดงานดีไซน์ส่วนบอดี้ที่การันตีด้วยรางวัลการออกแบบระดับโลกอย่าง Red Dot Design Award ในสาขาสมาร์ทโฟน เรียกว่าได้รวมความสุดยอดในทุกด้านให้มาอยู่ในแบรนด์ realme
realme ตระหนักดีว่าการครองใจคนรุ่นใหม่ เฉพาะการเสนอขายผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ บริษัทฯ จึงจัดกิจกรรมที่กำลังอยู่ในความสนใจของคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Game Convention, Music Festivals และการแข่งขัน e-sport ตลอดจนเปิดโอกาสให้ลูกค้าวัยรุ่นได้มีโอกาสขึ้นเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งาน บอกเล่าความประทับใจและความต้องการของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมาภายในงาน 828 Fan Festival ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและทำให้แบรนด์ realme เข้าไปอยู่ในใจคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
ความสำเร็จและผลประกอบการธุรกิจของ realme
realme ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลก ตามข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 จากข้อมูลของบริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก Counterpoint
ปัจจุบัน realme ขยายธุรกิจไปยังตลาดกว่า 61 แห่งทั่วโลก และติด 5 อันดับแรกในตลาด 18 แห่ง โดยสามารถครองแชมป์อันดับ 1 ทั้งในฟิลิปปินส์และบังคลาเทศ, อันดับ 4 ในอินเดียและรัสเซีย และอันดับ 5 ในภูมิภาคยุโรปในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 และล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา realme กลายเป็นแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยการส่งมอบสมาร์ตโฟนจำนวน 100 ล้านเครื่องได้สำเร็จ ตามข้อมูลจาก Strategy Analytics โดยตลาดหลักของ realme จะอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย เอเชียกลาง และแอฟริกา และตะวันออกกลาง โดยยังคงพยายามขยายตลาดสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายในการส่งมอบสมาร์ตโฟนจำนวน 100 ล้านเครื่อง ภายในปี 2565 และอีกเท่าตัว หรือจำนวน 100 ล้านเครื่อง ภายในปี 2566
กลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจ 5G และ AIoT สู่ ecosystem ครบวงจร
realme ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ 5G โดยบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดในการจัดส่งสมาร์ทโฟน 5G เพิ่มขึ้นจาก 8.8% ในไตรมาส 1 พุ่งสูงขึ้นเป็น 15.9% ในไตรมาสที่ 2 โดยถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 3 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ตามข้อมูลของ Counterpoint
นอกจากกลยุทธ์ 5G แล้ว realme ยังตระหนักดีถึงแนวโน้ม Digital Smart Life ที่กำลังจะกลายเป็นวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนี้ จึงได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์จากสมาร์ตโฟนไปสู่การเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์อย่างเต็มตัว โดยมีทั้งสมาร์ตโฟนและผลิตภัณฑ์ AIoT ต่าง ๆ ภายใต้กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ “1+5+T” โดยสายผลิตภัณฑ์ AIoT จะประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ Smart TV, Laptops, Wearables, Smart speakers และ Smart earphones โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 5 กลุ่มจะทำงานภายใน ecosystem เดียวกัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับผู้บริโภคยุคดิจิทัล
รายงานของ Canalys ในไตรมาส 2 ของปีนี้ยังระบุว่า realme Thailand ติดอันดับ 3 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Basic Watch และกลุ่ม TWS โดยมีการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 1,091% และ 188% ตามลำดับ
ภาพรวมตลาด 5G และ AIoT ทั่วโลกของ realme
realme กำลังรุกขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ 5G และ AIoT สู่ตลาดใหม่ทั้งอินเดีย อินโดนีเซีย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำเสนอควบคู่กันทั้งผลิตภัณฑ์และระบบ ecosystem สำหรับตลาดในภูมิภาคอื่น ๆ อย่างตะวันออกกลางและละตินอเมริกา realme จะเร่งขยายฐานลูกค้าในแต่ละประเทศ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนไปจนถึงอุปกรณ์ AIoT อื่น ๆ โดยจะเน้นที่จุดแข็งของแบรนด์ นั่นคือ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและงานดีไซน์ที่สวยงามโฉบเฉี่ยว และความคุ้มค่าด้วยระดับราคาที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภคเพื่อแข่งขันกับแบรนด์เจ้าตลาดรายอื่น ๆ และมีเป้าหมายในการไต่อันดับขึ้นไปอยู่ใน Top 3 ของทุกตลาดที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ
การที่แบรนด์สมาร์ตโฟนน้องใหม่จะเข้าไปตีตลาดแข่งกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ realme ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำได้จริง และจะไม่ใช่แค่สมาร์ตโฟนเท่านั้น เพราะในไม่ช้า เราจะได้สัมผัสกับอุปกรณ์ AIoT ของ realme อีกมากมายที่ยกขบวนเข้าสู่ตลาดไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทย โดยจะทำงานภายใต้ ecosystem เดียวกันอย่างครบวงจร
และเมื่อดูจากอัตราการเติบโตของแบรนด์ที่ผ่านมา ecosystem ของ realme อาจจะมาถึงเร็วกว่าที่เราคาดคิดก็เป็นได้