เป็นที่รู้กันดีสำหรับ Blockchain และ Metaverse ในฐานะ 2 เทคโนโลยีที่กำลังร้อนแรงที่สุดในยุคปัจจุบัน ซึ่งโลกแห่งอนาคตของเทคโนโลยีจะเป็นอย่างไรนั้น คงยังไม่มีใครเห็นภาพได้อย่างชัดเจนทั้งหมด เพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงและมีพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา แต่เชื่อว่าในสักวันเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญกับชีวิตของคนทั่วไปอย่างมากแน่นอน
ในบทความนี้ ทาง ADPT ได้รับเกียรติอย่างสูงจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Blockchain ที่คร่ำหวอดในวงการอย่างคุณสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ จำกัด (CryptoMind) และที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย หรือที่คนในวงการเรียกกันว่า “คุณซันเจ” ที่ได้ให้สัมภาษณ์พูดคุยกันครับ ซึ่งล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทางคริปโตมายด์ก็เพิ่งได้ไลเซนส์ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลใบแรกจาก ก.ล.ต. อีกด้วย จึงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain และ Metaverse จากคุณซันเจ ซึ่งทาง ADPT ได้สรุปประเด็นที่น่าสนใจไว้ในบทความนี้แล้วครับ
รู้จักกับ CryptoMind
CryptoMind คือบริษัทให้บริการคำปรึกษาแบบครบวงจรเกี่ยวกับ Blockchain และ Cryptocurrency โดยคุณซันเจคือ Co-Founder และ Chief Strategy Officer ของ CryptoMind Group ซึ่งจะมี 3 BU ด้วยกันได้แก่
- CryptoMind Advisory คือบริษัทที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นทางการเป็นบริษัทแรกของไทยที่เพิ่งได้รับใบอนุญาต ก.ล.ต. เมื่อเดือนที่ผ่านมา
- Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยกำลังอยู่ในระหว่างการขอใบอนุญาตอยู่ ซึ่งจะมี 2 กลยุทธ์ ได้แก่ Bitcoin Alpha (M-BTCA) และ Large Cap (M-LCAP) ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเกินรอคงจะได้เห็นกัน
- Elkrem Capital คือผู้ให้บริการบริหารทรัพย์สินที่จะลงทุนในโครงการ DeFi ต่าง ๆ
ผลิตภัณฑ์ที่น่าจะได้เห็นจากการเป็นที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล
การเป็นที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลของ CryptoMind Advisory นั้นคือการเป็นที่ปรึกษาในการลงทุน (Investment Consultant) ในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นทางการที่มีความน่าเชื่อถือและโปร่งใส ซึ่งที่ปรึกษาจะสามารถหยิบยกเหรียญหรือโทเคน (Token) ต่าง ๆ มาออกบทวิเคราะห์ได้เหมือนกับที่ต่างประเทศได้มีให้บริการแล้ว นอกจากนี้ ในอนาคตอาจจะได้เห็นบริการทำวิจัยให้กับองค์กรที่สนใจให้ทำบทวิเคราะห์และลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือบริการให้คำปรึกษาการลงทุนหรือผู้ที่ต้องการจะออกเหรียญหรือโทเคน เป็นต้น ซึ่งน่าจะได้เห็นรายละเอียดมากขึ้นในเร็ว ๆ นี้
เทรนด์เทคโนโลยี Blockchain ของโลกและของไทยในมุมมองของคุณซันเจ
เทคโนโลยี Blockchain ณ ตอนนี้คือตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในเมกะเทรนด์ (Mega Trend) ของโลกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Digital Asset, Metaverse หรือ Gaming ก็ตาม ซึ่งเชื่อว่า Blockchain จะมาปลดล็อกการเปลี่ยนผ่านจาก Internet Economy (Web 2.0) ให้กลายเป็น Ownership Economy (Web 3.0) ได้ อย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งจะมาปลดล็อค Business Model ใหม่ ๆ ในหลาย ๆ ด้าน อย่างเรื่องข้อมูลส่วนตัว ประกันภัย อสังหาริมทรัพย์ การระดมทุน การลงทุน การเมือง และอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น Supply Chain ที่สามารถติดตามตรวจสอบที่มาของสินค้า เป็นต้น
หากแต่ด้วยความใหม่ของเทคโนโลยี จึงทำให้แรงงานหรือนักพัฒนาระบบ Blockchain ในไทยที่มีอยู่ค่อนข้างน้อยจึงอาจจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งถึงจะกลายเป็นอาชีพที่แพร่หลายในวงกว้างได้
Blockchain Scalability หรือ Interoperability ไปถึงไหนแล้ว ดูกระแสเงียบ ๆ ไป
ในวงการจะมีเรื่องของสามเหลี่ยม Blockchain Trilemma หรือแนวคิดหลัก 3 ประการในการพัฒนาขึ้นมา อันได้แก่
- Scalability: การขยายขนาด Blockchain หรือความเร็ว (Speed) ในการประมวลผล
- Security: ความปลอดภัยในการใช้งาน Blockchain
- Decentralization: การกระจายอำนาจของ Blockchain
โดย Blockchain แต่ละแบรนด์นั้นจะสามารถตอบโจทย์ในแต่ละข้อที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะยังไม่สามารถทำทั้ง 3 ด้านได้พร้อม ๆ กัน ณ ตอนนี้ อย่างเช่น หากต้องการใช้งาน Blockchain เฉพาะภายในองค์กรก็จะสามารถลดเรื่อง Decentralization ลดลงไป เพื่อเน้นเรื่อง Scalability และ Security ที่สูงได้ หรือตัวอย่างของ Blockchain ระดับโลกอย่าง Ethereum ที่ต้องการ Decentralization อย่างเต็มที่ จึงส่งผลทำให้ความเร็วหรือ Scalability ค่อนข้างช้า และมีค่า Gas ที่แพงนั่นเอง ดังนั้น จะเห็นได้ว่าประเด็นเรื่อง Scalability ก็ยังคงเป็นประเด็นที่จะต้องพัฒนากันต่อไปอยู่นั่นเอง เช่น การเปิดตัว Layer 2 Solution บน Ethereum เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องค่า Gas ที่แพงเกินไป หรือการเปิดตัว Bitcoin Lightning Network ที่ปรับปรุงเรื่องความเร็วในการประมวลผลที่ล่าช้าของ Bitcoin เป็นต้น
ส่วนเรื่อง Interoperability นั้นก็ยังเป็นเทรนด์อยู่เช่นกัน ซึ่งถ้าใครอยู่มาแต่แรก ๆ จะรู้เลยว่าเชื่อมกันยากมาก ๆ และจะเห็นได้ถึงพัฒนาการเรื่อยมาจนทำให้เกิดเป็นหลาย ๆ โซลูชันในการ Bridge เชื่อมแต่ละ Blockhain เข้ากันได้ จนทำให้การใช้งานอย่างการโอนเหรียญย้ายไปมาทำได้อย่างสะดวกแล้วในทุกวันนี้ ซึ่งปี 2022 น่าจะยิ่งได้เห็นโซลูชันใหม่ ๆ ที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมอีก
“ยิ่งมีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นมาก ก็ยิ่งมีการแข่งขันมากขึ้น แต่ที่ได้ประโยชน์คือผู้บริโภค”
Metaverse จะมากระทบกับวงการ Blockchain อย่างไรบ้าง
เรียกได้ว่า Blockchain คือเทคโนโลยี “ปิดทองหลังพระ” สำหรับเทคโนโลยี Metaverse ก็ว่าได้ เพราะการที่จะทำให้เกิดโลก Metaverse ได้จริงนั้นจะต้องมีเรื่องของ “การกระจายศูนย์อำนาจ” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี Blockchain
ยกตัวอย่าง ในเกมที่ไม่ได้ใช้ Blockchain ที่จะมีไอเท็ม ตัวละคร หรือสินทรัพย์อยู่ในเกมนั้น ถ้าหากระบบของบริษัทผู้ผลิตเกมเกิดมีปัญหาปิดตัวลงไปก็จะส่งผลให้สินทรัพย์เหล่านั้นหายไปหมดด้วย นั่นแปลว่าสินทรัพย์ในเกมนั้นไม่ได้เป็นของเราจริง ๆ แต่ถ้าหากเป็นโลกของ Metaverse ที่มีการใช้งาน Blockchain แล้วก็จะสามารถนำเอาสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ ออกมาขายใน Marketplace ที่ใดก็ได้ เนื่องจากสินทรัพย์เหล่านั้นจะกลายเป็น NFT ที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางใด ๆ จึงอาจมองได้ว่าเราได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจริง ๆ ได้
ทั้งหมดนี้ จึงสรุปได้ว่า Metaverse จะมาปลดล็อกในหลาย ๆ อย่าง และจะยิ่งมาเสริมให้เกิด Use Case ของ Blockchain ที่ชัดเจนขึ้นไปอีก เพราะ Metaverse จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อต้องใช้งาน Blockchain อยู่ในนั้น ที่โลกอนาคตจะเริ่มเป็นเรื่องของ Ownership Economy หรือ Web 3.0 มากขึ้นเรื่อย ๆ
ภาพรวมในภาคอุตสาหกรรม Blockchain ในไทยและต่างประเทศ
ในภาคอุตสาหกรรมไทยก็เริ่มตื่นตัวกันมากขึ้นแล้ว อย่างเช่น SCG ที่เริ่มมีการประยุกต์ใช้ Blockchain ในการทำระบบจัดซื้อจัดจ้างนำร่องขึ้นมาทดลองใช้งาน ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้อย่างมหาศาล หรืออย่างโครงการอินทนนท์ เหรียญ CBDC ของทางแบงก์ชาติที่กำลังพยายามทำ B2B เพื่อโอนเงินระหว่างประเทศได้ หรือการซื้อพันธบัตรผ่าน Blockchain ของ KTB เป็นต้น
ส่วนในต่างประเทศเองนอกจากวงการการเงินแล้ว เรียกว่ามีการใช้งานที่แพร่หลายและกระจายไปที่วงการอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะเริ่มเห็น Use Case ที่ใช้งานจริงแล้ว เช่น การแลกแต้ม Loyalty Point บน Blockchain การติดตามแหล่งที่มาของวัตถุดิบ Blockchain หรือวงการเกมอย่าง Axie Infinity วงการศิลปะอย่าง OpenSea วงการอสังหาริมทรัพย์ หรือในวงการการแพทย์ที่ใช้ Blockchain เพื่อบันทึกประวัติการรักษาก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว ซึ่งอนาคตก็คงจะได้เห็น Use Case ที่ใช้ Blockchain ใหม่ ๆ ออกมาอีก และไม่แน่ว่า Blockchain อาจจะไป Disrupt วงการเซียนพระเครื่องที่สามารถใช้ Blockchain ในการบันทึกพระเครื่องแท้และการเช่าพระเครื่องระหว่างนักสะสมก็เป็นได้
อะไรคือสิ่งที่ควรพึงระวังในการในการลงทุนบน Cryptocurrency บ้าง
สิ่งที่อยากจะเน้นย้ำให้กับผู้ที่สนใจลงทุนในเงิน Cryptocurrency คือ “อย่า FOMO (Fear Of Missing Out)” เพราะหลาย ๆ ครั้งพอเห็นข่าวประโคมเหรียญขึ้นมาก็รีบตามเข้าไปลงทุนทันทีโดยที่ไม่ได้เข้าใจถึงพื้นฐานหรือว่าสาเหตุที่ราคาเหรียญขึ้น รวมทั้งการดูจังหวะเข้าซื้อให้ดีก่อนเนื่องจากว่ากลัว “ตกรถ” เลยทำให้กลายเป็นว่าเมื่อราคาตกก็ขายเหรียญออกไปทำให้ขาดทุนได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ควรจะต้องศึกษาการใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ อย่างเช่น Metamask การใช้งาน Hot/Cold Wallet ให้มีความเข้าใจเพียงพอ และควรพึงระวังเรื่องการจัดเก็บ Private Key ที่ไม่ควรบันทึกไว้บนเครื่องคอมพิวเตอร์บนโลกดิจิทัลใด ๆ เพื่อความปลอดภัยของสินทรัพย์ของเรานั่นเอง
ดังนั้น “ต้องศึกษาก่อนว่าสิ่งที่กำลังจะลงทุนนั้นคืออะไร ต้องเข้าใจพื้นฐานว่าเหรียญนั้นคืออะไร เอาไปใช้ทำอะไรมากกว่าแค่การกลัวตกรถ” และที่สำคัญคือ “ควรจะต้องศึกษาให้รู้ว่าจุดใดควรซื้อด้วย”
อัปเดตเทคโนโลยีกันในงาน Blockchain Thailand Genesis 2021
สำหรับใครที่สนใจอยากจะอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยี Blockchain แล้ว มาที่งาน Blockchain Thailand Genesis 2021 ในปีนี้ได้เลย ซึ่งงานนี้จัดมาเป็นปีที่ 4 แล้วแต่ยังเป็นคอนเซ็ปต์เดิมคือ “ราคาหลักร้อย ความรู้หลักล้าน” โดยจะมากับ 4 ธีมหลัก ได้แก่ Bitcoin, Digital Asset, DeFi และNFT, GameFi, Metaverse นอกจากนั้นในงานยังมีเหล่าผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งเหล่า Influencer มากมายที่จะมาร่วมบรรยายให้ความรู้ รวมทั้งมี Workshop แทบจะจับมือทำที่บอกได้เลยว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจในโลกของ Blockchain, DeFi และ NFT มากขึ้นอย่างแน่นอน
ที่พิเศษในงานปีนี้ คือ การจัดงานในรูปแบบของโลก Metaverse บนแพลตฟอร์ม Gather Town ที่จะมาเปิดโลกให้กับผู้ที่เข้าร่วมงานได้ทดลองสัมผัสโลกของ Metaverse ในยุคเริ่มต้น ตามคอนเซ็ปต์งาน The era of METAVERSE and Digital Asset บล็อกเชนไทยแลนด์เจเนซิส 2021 กับดินแดนโลกเสมือนจริง ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในปัจจุบัน อีกทั้งทาง CryptoMind เองก็ได้ใช้งานจริงภายในออฟฟิศอยู่แล้วด้วย เชื่อว่าผู้ที่มาเข้าร่วมงานจะประทับใจอย่างแน่นอน
บทส่งท้าย
สุดท้ายนี้ ทางทีมงาน ADPT ขอขอบพระคุณคุณซันเจแห่ง CryptoMind ที่ได้ให้เกียรติสัมภาษณ์ในครั้งนี้เป็นอย่างสูงครับ และจะเห็นได้ว่างาน Blockchain Thailand Genesis 2021 ปีนี้เป็นงานสัมมนา Blockchain ที่พิเศษมาก ๆ ดูจากหัวข้อที่บรรยายและ Workshop ที่จัดขึ้นเห็นได้เลยว่าทีมงานผู้จัดตั้งใจทำเพื่อให้ความรู้กับคนที่เข้ามาร่วมงานจริง ๆ ถ้าหากใครอยากอัปเดตข่าวสารหรืออยาก Reskill งานนี้มีให้ครบถ้วนอย่างแน่นอน
สำหรับใครที่สนใจเข้าร่วมงาน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://blockchain-th.com/ หรือใน Facebook ของทาง Blockchain Thailand ( https://www.facebook.com/blockchainthailandevent/) ในวันที่ 27-28 พฤศจิกายนนี้ 2 วันเท่านั้น แล้วเจอกันในงานนะครับ