หลังจากที่ได้เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยี Artificial Intelligence หรือ AI ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็ถึงจุดที่เรียกได้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งโลกอาจไม่เคยนึกถึงว่าจะเป็นไปได้มาก่อน นั่นคือพัฒนาการที่จะกลายเป็น Edge AI คลื่นลูกใหม่ของโลก AI ที่จะทำให้วิถีชีวิตของคนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับนิยามของคำว่า Edge AI นั้นอาจจะแปลตรง ๆ ตัวว่าเป็นการนำเอาแอปพลิเคชัน AI ใส่เข้าไปในอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้งานกันในโลกความเป็นจริง โดยการที่เรียกว่า Edge AI นั้นเป็นเพราะการประมวลผลของระบบ AI นั้นจะอยู่ “ใกล้”กับผู้ใช้งานแบบสุด ๆ เรียกว่าสุดขอบที่เน็ตเวิร์กจะไปถึง ใกล้กับจุดที่จัดเก็บข้อมูล แทนที่การวางไว้อยู่บน Cloud Computing หรือว่า Data Center อย่างที่ทำกันมาในยุคก่อน ๆ
สิ่งหนึ่งที่ส่งผลให้ Edge AI เกิดขึ้นได้จริงนั้นเป็นเพราะโลกของ “อินเตอร์เน็ต” นั้นสามารถเข้าถึงได้แล้วทั่วโลก ณ ตอนนี้ จึงทำให้ “Edge” นั้นเป็นอะไรก็ได้ จะเป็นร้านค้าปลีก โรงงาน โรงพยาบาล หรือว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ตัวเรา ก็เป็นได้หมด รวมทั้งความก้าวหน้าทั้งเรื่องโมเดลโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Network) ที่สามารถนำมาใส่ไว้ในตรง Edge ได้ พร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานในการประมวลผลที่สูงขึ้น และการใช้งานอุปกรณ์ IoT ที่แพร่หลายมากขึ้น จึงทำให้ Edge AI มีพัฒนาการที่ทำให้สิ่งเหล่านั้นมี “ปัญญา (Intelligence)” ที่เริ่มเรียนรู้เข้าใจคล้ายกับมนุษย์ (Human Cognition) จนทำให้สามารถช่วยเหลือมนุษย์ในการทำงานง่าย ๆ ซ้ำ ๆ ได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันนั่นเอง
แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะได้เห็นระบบ AI ที่สามารถเข้าใจภาษามนุษย์ สามารถมองเห็น ฟังเสียง จับอุณหภูมิ หรือว่ารู้จำใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว แต่การนำระบบเหล่านั้นไปใช้งานในโลกความเป็นจริงนั้นมักจะต้องพบเจอกับปัญหาความท้าทายมากมาย หรือบางครั้งก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะนำเอาระบบ AI ดังกล่าวไปวางไว้บน Centerlized Cloud หรือ Data Center ภายในองค์กรเนื่องด้วยปัญหาทั้งเรื่อง Latency, Bandwidth หรือ Privacy อันเป็นที่ถกเถียงกันมากมาย
ดังนั้น Edge AI จึงกลายเป็นวิธีการที่ช่วยแก้ไขปัญหาทั้งหลายให้ลดลงไปได้ โดยเฉพาะเรื่อง Privacy ที่ทำให้การจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวสามารถวางไว้แค่ที่ Edge โดยส่งกลับข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้วหรือ insight กลับเข้า Cloud หรือว่า Data Center เพียงเท่านั้น อีกทั้งยังลดเรื่อง Latency ลงไปจึงทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้แบบ Real Time และสามารถพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยการเรียนรู้ข้อมูลใหม่ ๆ ได้ต่อเนื่องด้วย
ตัวอย่างการใช้งานของ Edge AI ที่อาจจะทำให้เห็นภาพมากขึ้น เช่น ระบบ AI ที่ใช้ข้อมูลเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับสิ่งผิดปกติในโรงงานอุตสากรรมเพื่อทำนายช่วงเวลาในการบำรุงรักษา เครื่องมือการแพทย์ที่มีระบบ AI เรียนรู้วีดีโอผ่าตัดเพื่อทำให้กลายเครื่องมือผ่าตัดที่กรีดให้น้อยที่สุด หรือระบบ AI ผู้ช่วยในร้านค้าที่สามารถสั่งหรือสืบค้นสินค้าด้วยเสียงได้ผ่านอุปกรณ์ เป็นต้น
แม้ว่าเราจะได้เห็นพัฒนาการมากมายของระบบ AI ในอดีต แต่บอกได้เลยว่าตอนนี้ยังคงเป็นเพียงแค่ช่วงเริ่มต้นสำหรับโลกของ Edge AI ที่เริ่มเห็นกันเพียงเท่านั้น ซึ่งในอนาคตคงจะได้เห็นแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ของ Edge AI มากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไปอย่างแน่นอน
ที่มา: https://blogs.nvidia.com/blog/2022/02/17/what-is-edge-ai