ในยุคที่ใคร ๆ ก็พูดถึงแค่ Metaverse จนกลายเป็น Buzzword ไปแล้วนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดูท่าจะไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะมีเจ้าใหญ่เจ้าดังทยอยตบเท้ากันเข้ามาในวงการมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งวิวัฒนาการของโลก Metaverse ก็คงจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นไป จนอาจจะมีบางคนเชื่อว่าสักวันคงจะเกิดเป็น Metaverse-as-a-Service ที่จะกลืนกินทั้งโลกไปอีกครั้งหนึ่ง มันจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?
อย่างที่รู้กันว่า ณ ตอนนี้ได้มีบริษัทเทคโนโลยี เกมสตูดิโอ หรือว่าแบรนด์หรูต่าง ๆ ก็ทยอยตบเท้าเข้ามาในโลก Metaverse มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น Meta ที่ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อจาก Facebook เพื่อประกาศวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในโลก Metaverse และลงทุนอีกหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนาโซเชียลเน็ตเวิร์ก VR
ส่วนทาง Microsoft, NVIDIA และ Shopify และเจ้าใหญ่ ๆ อีกมากมายก็เริ่มลงทุนในโลก Metaverse แล้ว หรือแม้แต่วงการแฟชันก็เตรียมจัด Metaverse Fashion Week ปลายเดือนมีนาคมนี้ในโลกของ Decentraland ที่จะร่วมจัดกับแบรนด์หรูระดับโลกมากมายใน Virtual Show อีกทั้งยังมีวงการ NFTs ที่เกิดกระแสขึ้นมาอย่างพลุ่งพล่านในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้คือกระแสของ Metaverse ของคนที่เชื่อว่า “มาแน่”
ตอนนี้อาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น
ประโยค Quote อันโด่งดังที่สุดของนักลงทุนคุณ Marc Andreessen ที่กล่าวไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2011 ว่า “ซอฟต์แวร์กำลังจะกลืนกินโลก (Software is eating the world)” นั้นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นความเป็นไปของโลกในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เพราะศักยภาพของซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ได้ทำให้การใช้ชีวิตของคนในโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับอดีต
โลกไอทีในยุคก่อนหน้านี้ คือเราต้องซื้อลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ (License) แล้วจะได้เป็นแผ่นซีดีมาเพื่อติดตั้งโปรแกรมซอฟต์แวร์ลงบนเครื่องพีซี แต่ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าแทบไม่มีการใช้งานในลักษณะนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะการมาถึงของคำว่า “as a Service” ที่ทำให้โปรแกรมทั้งหลายกลายเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้บนคลาวด์ ซึ่งใช้งานได้แทบทุกอุปกรณ์พร้อม ๆ กัน แถมยังเป็นการใช้งานแบบ On Demand ใช้เท่าไหร่จ่ายเท่านั้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ปัจจุบันอะไร ๆ ก็มีบริการเป็น “as a Service” ทั้งสิ้น ดังนั้น สำหรับคนที่เชื่อว่า Metaverse มาแน่แล้ว “Metaverse-as-a-Service” ก็คงจะเป็นขั้นถัดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอนเมื่อโลกของ Metaverse ได้เริ่มเกิดขึ้นจริง ๆ
ยิ่งมี Metaverse มาก ยิ่งมีโอกาสมาก
แม้ว่าปัจจุบัน Metaverse อาจจะเป็นเหมือนกับเกมหรือโลก 3D ที่แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มสื่อสารว่าแบรนด์กำลังเข้าสู่โลก Metaverse อย่าง Decentraland หรือ Roblox แต่เมื่อถึงเวลาที่คนเริ่มอยู่ในโลก Metaverse เริ่มใช้เวลาในนั้นมากขึ้น วิวัฒนาการของโลก Metaverse ก็คงจะค่อย ๆ เปลี่ยนไป ซึ่งแบรนด์ทั้งหลายก็จะเริ่มสร้างสิ่งใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนในนั้นมากขึ้น ดังนั้น ยิ่งมี Metaverse มาก มีผู้คนอยู่ในนั้นมาก โอกาสที่เกิดขึ้นก็มีมากเช่นกัน
แน่นอนคำว่า “One Size Fits All” ก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว และเมื่อแบรนด์หลาย ๆ แบรนด์ต้องการสร้าง Metaverse ในแบบฉบับของตัวเองขึ้นมา ผลก็คือทุกแบรนด์ก็จะต้องมองหาผู้สร้าง Metaverse ที่สามารถ Customize มาเป็นแบบฉบับของแต่ละแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองกลุ่มคนของแต่ละ Metaverse ที่แตกต่างกันไป เช่น Metaverse ที่สร้างเพื่อเด็กวัยรุ่นที่จะเข้ามาพบเจอกันได้เต็มที่ หรือ Metaverse ที่มีกฎระเบียบต่าง ๆ สำหรับการทำธุรกิจ เป็นต้น
อนาคตไม่แน่ แต่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
แม้ว่าเทคโนโลยีจะเพิ่งเป็นกระแสขึ้นมาได้ไม่นาน จนบางคนอาจจะคิดว่า “มันเป็นแค่ Buzzword” เท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลาย ๆ อย่างบนโลก ทั้งเรื่องสภาวะโลกร้อน สงคราม หรือว่าเรื่องปัญหาความมั่นคงทางอาหาร สิ่งเหล่านี้อาจจะมีบางกลุ่มคนเริ่มเชื่อแล้วว่าทางรอดของโลกอีกทางหนึ่งคือการดึงให้คนไปอาศัยอยู่ในโลก Metaverse แทนนั่นเอง
และถ้าหากสิ่งดังกล่าวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริง โมเดลธุรกิจ Metaverse-as-a-Service ก็คงจะเกิดขึ้นมาอย่างโดดเด่นขึ้นเมื่อเวลานั้นมาถึงอย่างแน่นอน เพราะว่าใคร ๆ แบรนด์หรืออุตสาหกรรมใด ๆ ก็คงมีความต้องการสร้าง Metaverse ของตัวเองขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งหากใครเห็นโอกาสตรงนี้แล้วเชื่อว่าสิ่งนี้มาแน่ ก็อาจจะเริ่มเตรียมการเตรียมเทคโนโลยีรอไว้ได้เลย
สุดท้ายนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาอาจจะเป็นแค่สิ่งเพ้อฝัน แต่ทีมงานมองว่าเราคนไอทีควรจะต้องจับตาติดตามความก้าวหน้าของสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะโลกดิจิทัลในยุคปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน จนบางทีสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ก็เกิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง “เร็วกว่าที่คิดไว้มาก”