[รีวิว] Xiaomi 12 Pro บอดี้สุดหรู ซีพียูแรง Snapdragon® 8 Gen 1 กล้อง AI เทพ 50MP ชาร์จเร็วไวเวอร์ 120 W ตอบโจทย์ใช้งานเอนเตอร์เทนเมนต์ครบเครื่อง

0

TL;DR (Too Long, Didn’t Read)

  • Xiaomi 12 Pro ซีพียูแรงสุด ณ ตอนนี้ Snapdragon 8 Gen 1 ใช้งานลื่นทุกฟังก์ชัน
  • กล้อง 50MP 3 ตัว ทั้ง Wide Angle, Ultra-Wide และ Telephoto พร้อมระบบ AI ที่ทำให้ถ่ายภาพสนุก ภาพถ่ายสวยงาม สีสันสดใส
  • หัวชาร์จ 120 W ที่สามารถชาร์จไฟเต็มได้ภายใน 18 นาทีเท่านั้น
  • จอ WQHD+ แสดงผลสีตรง สวยงาม
  • ลำโพง 4 ตัว SOUND BY Harman Kardon และมี Dolby Atmos เสียงใส ไพเราะ
  • ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน โดยเฉพาะเอนเตอร์เทนเมนต์ ไม่ว่าจะถ่ายภาพ วีดีโอ ดูหนังฟังเพลง เล่นเกมส์ ลื่นไหลแน่นอน

อารัมภบท

แม้ว่าปัจจุบันโลกดิจิทัลจะหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอะไรไปอย่างรวดเร็ว ข้าวของเครื่องใช้ก็วิวัฒนาการไปจากเดิมอย่างมหาศาล แต่เชื่อว่ายังมีหลาย ๆ คน (รวมถึงผู้เขียนด้วย) ที่มักจะยังพยายามใช้งานสิ่งของที่ซื้อมาด้วยหลักการที่ว่า “ถ้ายังไม่เจ๊งก็ยังไม่เปลี่ยน” 

ล่าสุดนี้เอง หลังจากผู้เขียนได้ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งมาเป็นเวลาสักพักใหญ่ ๆ จนมาสุดทางที่ Android 9 อัปเกรดต่อไม่ได้แล้ว แต่เนื่องจากฟังก์ชันสำคัญสุดของโทรศัพท์นั่นคือ “การโทร” นั้นแทบไม่ได้ยินเสียง เลยคิดว่าคงถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่เสียที ซึ่งบังเอิญมาก ๆ ที่ Xiaomi 12 Pro ได้ออกมาเปิดตัวพอดี ด้วยฟีเจอร์โดดเด่นมากมายที่น่าสนใจกับราคาที่ไม่สูงเกินไป จึงได้มาใช้เป็นเครื่องใหม่ซึ่งเราจะมารีวิวกันแบบใช้งานจริง ๆ เลยในบทความนี้

Fact Sheet

ขนาด (กว้าง x ยาว x หนา)74.60 มม. x 163.60 มม. x 8.16 มม.
น้ำหนัก205 กรัม
หน่วยประมวลผลSnapdragon 8 Gen 1 บนสถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร
RAM8 GB
ROM256 GB
ระบบปฏิบัติการMIUI 13 บน Android 12
หน้าจอAMOLED Dot Display ขนาด 6.73” ความถี่ 120Hz
WQHD+ with TrueColor Display
ระดับ A+ จาก DisplayMate
กล้องหลัง#1: 50MP Wide Angle Camera f/1.9, บันทึกภาพ 8K, 4K HDR 10+ พร้อม Ultra Night Video, One-click AI cinema, Xiaomi ProFocus (Motion tracking focus/ Motion Capture/Eye tracking focus)
#2: 50MP Ultra-wide Angle Camera f /2.2
#3: 50MP Telephoto Camera f/1.9
กล้องหน้า32MP In-Display Selfie Camera f/2.45 บันทึกภาพ HDR 10+
ลำโพงลำโพง 4 ตัว SOUND BY Harman Kardon พร้อมรองรับ Dolby Atmos®
วัสดุเครื่องGorilla Glass Victus
แบตเตอรี่ขนาด 4,600mAh
อื่น ๆ Xiaomi HyperCharge 120W ชาร์จเต็มภายใน 18 นาที
รองรับ NFC2
Bluetooth 5.2 
5G 
Wi-Fi 6/ Wi-Fi 6E3 
มี 3 สี ได้แก่ สีเทา สีม่วง และสีฟ้า

จากวีดีโอเปิดตัวที่ Xiaomi ปล่อยออกมา และสเปคต่าง ๆ เห็นได้ชัดเจนเลยว่า โทรศัพท์มือถือเรือธงเครื่องนี้ครบเครื่องเรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์ได้ตามที่ทุกคนต้องการใช้งานแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องถ่ายภาพและวีดีโอที่ให้กล้องมาแบบจัดเต็ม ด้วยกล้องขนาด 50MP ทั้ง 3 ตัวที่ให้มาในรุ่น Pro นี้ ทำให้มีโหมดการถ่ายภาพหรือวีดีโอที่หลากหลายมาก และซีพียูรุ่นแรงสุด Snapdragon 8 Gen 1 พร้อมกับลำโพงเสียงโดย Harman Kardon จะเอาไปเล่นเกมหรือดูหนัง ฟังเพลง ฟังพอดแคสต์ หรือแม้แต่แอปแต่งภาพต่าง ๆ ไม่มีปัญหาแน่นอน

แกะกล่องลองใช้

ในบทความรีวิวนี้จะเป็น Xiaomi 12 Pro สีเทาที่มาพร้อมกับกล่องสีดำ ซึ่งพอได้จับกล่องครั้งแรกก็รู้สึกถึงขุมพลังที่มาอยู่ในมือแล้ว 

ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ที่เรียกว่าพร้อมใช้งาน ได้แก่ เครื่อง Xiaomi 12 Pro สีเทา สายชาร์จ USB Type-C พร้อมกับหัวชาร์จ 120W ที่ขนาดใหญ่พอสมควร อาจจะเทียบเท่ากับปลั๊กโน้ตบุ๊กได้เลย

ดูด้านหลังของตัวเครื่อง Xiaomi 12 Pro ก่อน ผิวสัมผัสจะเป็นกระจก Gorilla Grass Victus แบบด้านที่รู้สึกได้ถึงความพรีเมี่ยม ผิวเรียบเนียนไม่เป็นรอย จับเครื่องแล้วรู้สึกถึงงานประกอบที่แน่นแข็งแรง น้ำหนักของเครื่องก็กำลังพอดี ไม่ได้รู้สึกว่าเครื่องเบาหรือหนักเกินไป

ส่วนที่เด่นสุด ๆ ของเครื่องนี้นั่นก็คือ กล้อง 50 MP ทั้ง 3 ตัวที่จัดวางไว้ได้อย่างเรียบหรูสวยงาม โดยกล้องหลักที่ใหญ่ที่สุดนั่นคือ กล้อง Wide Angle Camera ที่มี f/1.9 ซึ่งมีเซ็นเซอร์หลักขนาดใหญ่พิเศษจาก Sony IMX707 ที่จะช่วยรวบรวมแสงได้มากขึ้น สีตรงมากกว่าเดิม ส่วนกล้องตรงกลางคือกล้อง Telephoto f/1.9 ใช้สำหรับถ่ายระยะไกล ตามมาด้วยกล้อง Ultra-wide Angle f/2.2 เพื่อถ่ายรูปแนวกว้างที่มีมุมรับภาพถึง 115 องศาเลยทีเดียว

ด้านบนตัวเครื่อง จะมีข้อความที่แสดงให้เห็นว่าเครื่องนี้มีระบบเสียงโดย Harman Kardon ชัดเจน โดยด้านซ้ายนั้นคือลำโพง ตรงกลางคือไมโครโฟน และขวาคือเซ็นเซอร์ IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมทสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชันได้นั่นเอง 

ส่วนด้านล่างของเครื่อง ตรงกลางคือพอร์ต USB Type-C สำหรับต่อกับสายชาร์จไฟ ด้านซ้ายคือลำโพงที่วางไว้คนละฝั่งกับด้านบน และมีไมโครโฟนอีกตัว พร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่รองรับซิมนาโน 5G ได้ 2 ซิม ซึ่งจากภาพนี้จะเห็นเนื้อวัสดุด้านหลังเครื่องที่สะท้อนกับแสงได้สวยงามจริง ๆ 

สำหรับปุ่มเปิดปิดและเพิ่มลดเสียงของ Xiaomi 12 Pro นั้นจะอยู่ด้านขวาตัวเครื่องทั้งหมด ซึ่งจัดวางไว้พอดีมือ แต่อันนี้ต้องปรับตัวเล็กน้อย เพราะเครื่องเก่าจะอยู่คนละฝั่งกัน ทั้งนี้ปุ่มเปิดปิดตรงนี้จะไม่ได้ใช้สำหรับสแกนลายนิ้วมือแต่อย่างใด ซึ่งระบบสแกนลายนิ้วมือจะอยู่บนหน้าจอเลย

ตัวเครื่องถือว่าบางใช้ได้ ขอบมุมเครื่อง Xiaomi 12 Pro จะเป็นแบบมนสวยงามตามภาพ และขนาดของเครื่องนี้ก็ถือพอดีกับที่ต้องการใช้งาน ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป อีกจุดที่อยากจะพูดถึงคือตรงแผงกล้องจะไม่ได้นูนขึ้นมามากนักด้วย ทำให้เวลาใส่กระเป๋ากางเกงก็จะไม่ได้นูนขึ้นมาเยอะ

และนี่คือปลั๊กชาร์จไฟ 120W ที่บอกได้เลยว่าขนาด “ใหญ่” เห็นแบบนี้อาจจะทำให้รู้สึกไม่อยากจะพกออกจากบ้านสักเท่าไหร่ แต่ด้วยฟีเจอร์ที่ชูโรงว่าสามารถชาร์จไฟได้เต็มภายใน 18 นาที ก็อาจจะทำให้คนใช้ชาร์จไฟได้เต็มก่อนออกจากบ้านเสมอ ไม่ต้องพกพาไปข้างนอกแล้วจริง ๆ ก็ได้

สำหรับเคสที่แถมมาให้นั้น ดูเผิน ๆ เหมือนจะบอบบาง แต่พอใส่เข้าไปแล้วจับใช้งานก็รู้สึกว่าแน่นดีเหมือนกัน แถมเคสที่ให้มา จะป้องกันตรงมุมของแผงกล้องอีกด้วย และที่สำคัญเคสไม่ได้หนามาก ทำให้ตอนใช้จับใช้งานตอนใส่เคสแล้วก็ยังรู้สึกถึงความแน่นของเครื่องโทรศัพท์อยู่เช่นเดิม

หลังจากเปิดใช้งานเครื่อง ก็จะเห็นแน่ ๆ ว่าเครื่องนี้คือ MIUI 13 (เพราะเป็นภาพแรกที่ขึ้นมา ดูได้จากข้างบน) ซึ่งถ้าเปิดดูใน Settings > About phone ก็จะมีรายละเอียดของซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่ใช้ในเครื่องนี้ โดยแนะนำว่าให้อัปเดต MIUI ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดให้เรียบร้อยเสียก่อน 

หลังจากนั้น ค่อยไปตั้งค่าการใช้งานตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Display ว่าจะเป็น Light mode หรือ Dark mode เปลี่ยน Wallpaper หรือ Themes เครื่อง รวมทั้งเรื่องของ Password & security ต่าง ๆ ที่ควรจะต้องเปิด Fingerprint Unlock เป็นอย่างน้อย ซึ่งด้วยซีพียู Snapdragon 8 Gen 1 การ Unlock ด้วย Fingerprint นั้นรวดเร็วมาก แทบเสี้ยววินาที

อีกส่วนคือ Home screen ที่สามารถปรับใช้งานได้ตามความชอบเลย ว่าอยากจะใช้เป็นแบบ Classic หรือ With App drawer รวมถึง Layout ที่เลือกปรับใช้เป็น 4×6 หรือ 5×6 ก็ได้หมด ซึ่งใช้งานแล้ว บอกเลยว่าจอ WQHD+ สีตรงสวยมาก และเครื่องเร็วมาก กดปุ๊ปเปลี่ยนปั๊ป ใช้งานลื่นปรื๊ด

ต่อไปคือส่วนที่ชอบมาก ๆ นั่นคือภาพถ่ายและวีดีโอที่ได้จากเครื่อง Xiaomi 12 Pro นั้นสวยงามสุด ๆ ด้วยกล้องสเปคระดับเทพและระบบ AI ที่ช่วยปรับแสงให้มีสีสันสดใสหรือในความมืดก็ทำให้ดูเห็นรายละเอียดมากกว่ากล้องทั่ว ๆ ไป ซึ่งในแอป Camera จะมีโหมดเฉพาะมากมายให้เลือกใช้อีกด้วย ใครชอบถ่ายภาพหรือว่าวีดีโอ ต้องสนุกมาก ๆ แน่นอน (อัปเดต MIUI แล้วตรง More จะเปลี่ยนจากแบบภาพซ้ายไปเป็นแบบภาพขวา)

ลองถ่ายภาพจริงกันเลย บอกได้เลยว่า AI Camera ในเครื่องนี้ฉลาดมาก ๆ เพราะรู้ได้เลยว่าตอนนี้กำลังถ่ายอะไรอยู่ เช่น ต้นไม้ อาหาร หรือข้อความ เป็นต้น (ดูตรงไอคอนสีเหลือง ๆ ด้านซ้าย) ซึ่งภาพที่ถ่ายก็จะปรับเปลี่ยนไปตามสิ่งที่ถ่ายอยู่ และจะได้ภาพที่สีสันสวยงามตามที่ AI รู้จำได้ด้วย

ถ้าแสงดี สีสันคือสวยงามอยู่แล้ว แม้ว่าจะถ่ายย้อนแสง แสงน้อย ภาพที่ได้ออกมาสีสันก็ยังโอเค ซึ่ง Night mode เหมือนจะเปิดขึ้นมาให้อัตโนมัติถ้าแสงไม่พอ แอปจะบอกให้ถือนิ่ง ๆ ตอนถ่าย

ทดลองถ่ายภาพด้วยกล้องต่าง ๆ ในจุดเดียวกัน ซึ่งโดย Default ของแอป Camera จะมีให้เลือก 3 ระยะ คือ 0.6x, 1x และ 2x เลยเข้าใจว่าน่าจะเป็นการเลือกใช้กล้องแต่ละตัว ซึ่งได้ผลตามนี้เลย

ถ่ายรูปห้องโดยใช้ Wide Angle 1x
ใช้เลนส์ Ultra-Wide 0.6x แล้วก็ขยายมุมมองได้เยอะขึ้น
ภาพจากกล้อง Wide Angle Camera (1x)
ภาพจากกล้อง Telephoto (2x)
ภาพถ่ายด้วยเลนส์ Ultra-wide (0.6x)

ต่อไปคือถ่ายวีดีโอที่สนุกเลยทีเดียว ตอนซูมเข้าออกก็ทำได้เนียนมาก เปลี่ยนกล้องเปลี่ยนสีปรับโฟกัสได้ไว แถมมีทำ Flag กลับมาย้อนดูได้สะดวก กดตรงมุมซ้ายบนได้เลย

ยิ่งถ้าใครที่มีลูก บอกได้เลยว่าชอบแน่นอน เพราะถ้าอยากจะบันทึกช่วงเวลาของเด็ก ๆ เก็บไว้แบบโฟกัสไม่หลุด ฟีเจอร์ Motion tracking focus ช่วยได้จริง ๆ ในภาพคือเด็กวิ่งแทบไม่หยุดแต่โฟกัสแทบไม่หลุดเลย หรืออีกภาพที่ควาญช้างโดนงวงบัง ก็ยังโฟกัสได้อยู่

ส่วนภาพ Portrait เห็นชัดเลยว่าพื้นหลังเบลอละลายได้”เยอะมาก” น่าจะเพราะ Aperture ได้ถึง f/1.9 นี่เอง ซึ่งเลื่อนปรับ Aperture ไปมาได้ง่าย ๆ (พอดีนางแบบเคลื่อนเร็วมาก เลยเอาแบบกระต่ายมาแทนซึ่งเห็นเลยเบลอได้ขนาดไหน) และถ้าหากเลือกปรับเบลอพลาด ยังมาปรับ Aperture ทีหลังได้อีกด้วย 

ปรับ Aperture แบบกว้างสุด
ปรับ Aperture แบบแคบสุด
ปรับ Aperture ได้ภายหลัง

ส่วนระบบเสียง SOUND BY Harman Kardon และ Dolyby Atmos นั้นเป็นที่ประทับใจยิ่งนัก เสียงดังกระหึ่มแต่เสียงเพราะ ลำโพงไม่แตก แต่หูจะแตกแทน

ข้อสังเกตเล็กน้อย คือถ้าหากแบตเตอรี่เหลือน้อยจนถึง 1% ล้ว ตัวเครื่องจะแจ้งเตือนขึ้นมาแล้วจะดับไปในทันที ซึ่งถ้าหากใช้งานไปจนเครื่องดับแล้วอยากจะเปิดขึ้นมาใหม่ ต้องชาร์จไฟทิ้งไว้สักพักหนึ่งถึงจะเปิดขึ้นมาได้ ดังนั้นแนะนำว่าไม่ควรจะใช้จนแบตหมดไปเลยเผื่อว่ามีกรณีเร่งด่วนขึ้นมา และการชาร์จไฟแบบ Charge Rapidly อาจจะใช้เวลาสัก 30 – 40 นาทึถึงจะเต็มจริง คิดว่าน่าจะขึ้นกับแอปพลิเคชันที่รันอยู่ Background ด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ ถ้าบันทึกวีดีโอนาน ๆ จนเครื่องร้อน ตัวแอปจะแจ้งเตือนให้บันทึกในความละเอียดที่ต่ำลง ซึ่งจุดนี้ถ้าบันทึกวีดีโอใน Outdoor ที่อากาศร้อนบ่อย ๆ มีโอกาสที่เครื่องอาจจะร้อนได้ง่ายกว่าเดิม

ชาร์จไฟจาก 25%
ชาร์จเต็ม 100% ใช้เวลาประมาณ 30 กว่านาที

บทสรุป

จากทั้งหมดข้างต้นนี้ บอกได้เลยว่าโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเรือธง Xiaomi 12 Pro นี้จะเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายฟังก์ชันอย่างแน่นอน ทั้งซีพียู Snapdragon 8 Gen 1 กล้อง 50 MP ทั้ง 3 ตัว หัวชาร์จ 120 W ที่ชาร์จไวกว่าเดิม รวมทั้งซอฟต์แวร์ต่าง ๆ และ AI ที่ทำให้การถ่ายภาพ วีดีโอ หรือเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ต้องการใช้ทั้งหลายนั้นเป็นที่ประทับใจสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่องนี้อย่างแน่นอน

ถ้าหากใครอยากจะเปลี่ยนมือถือใหม่ตอนนี้ ทีมงาน ADPT ขอฝาก Xiaomi 12 Pro ไว้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้อ่านพิจารณา ซึ่งหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมทั้งร้านค้าออนไลน์ทั้ง Shopee หรือ Lazada โดย Xiaomi 12 Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 31,990 บาท มีสามสีให้เลือก ได้แก่ สีเทา สีม่วง และสีน้ำเงิน รีบจับจองกันได้เลย