[Guest Post] ลดการก่ออาชญากรรมด้วยการนำเสนอข้อมูลด้วยภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม

0

โดย คุณ Heleen Snelting ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ข้อมูลแห่ง TIBCO

การควบคุมกำกับดูแลของตำรวจจะมีประสิทธิภาพได้นั้นจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่ดี การป้องกันและการลดอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมที่ร้ายแรงและองค์กรอาชญากรรม จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไม่ได้รับข้อมูลเชิงลึกอย่างฉับไวได้ทุกเมื่อตามต้องการจากจำนวนชุดข้อมูลมหาศาลที่กำลังเพิ่มทวีขึ้นในทุกๆ วัน

เมื่อลองพิจารณาจากปริมาณและความหลากหลายของข้อมูลนั้นแล้ว ปัญหาก็คือควรจะต้องเริ่มจากที่ใดก่อน ข้อมูลจำนวนมากที่มีอยู่ในมือนักวิเคราะห์ข้อมูลด้านการบังคับใช้กฎหมายและพนักงานอาวุโสนั้นไร้โครงสร้าง กล่าวคือข้อมูลทั้งหมดไม่ได้ถูกเรียงอย่างเป็นระบบระเบียบในฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (Relational database) หรือสเปรดชีต โดยตำรวจจะต้องรวบรวมข้อมูลหลากหลายประเภท เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกโทรศัพท์ การสนทนาและรูปภาพในโซเชียลมีเดีย และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นการเชื่อมโยงแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่านั้นกลับเป็นเรื่องยากยิ่ง

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นต้องใช้เครื่องมือสำหรับการผสานรวมข้อมูลรุ่นล่าสุด ซึ่งต้องมีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีความเป็นไปได้ และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกผ่านแพลตฟอร์มเดี่ยวที่ใช้งานง่าย ทั้งยังต้องช่วยให้ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างชุดข้อมูล ด้วยเทคนิคการสร้างข้อมูลให้เห็นภาพในปัจจุบัน รูปภาพจะประมวลผลมาจากชุดข้อมูลต่างๆ โดยไม่เสียเวลาไปกับการค้นหาข้อมูล นอกจากนี้ ด้วยกลุ่มอาชญากรยังทำงานอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการเสียเวลาไปกับการค้นหาข้อมูลที่ละเอียดยิบย่อยและซับซ้อนด้วยตนเองจะยิ่งเปิดโอกาสให้เหล่าอาชญากรปฏิบัติการไปต่อได้เรื่อยๆ และหลบเลี่ยงการตรวจจับได้

Data Visualization หรือการนำเสนอข้อมูลด้วยภาพจึงมีความสำคัญในการขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายในปัจจุบัน  ทั้งยังเป็นส่วนเสริมในการวิเคราะห์ข้อมูล แปลงข้อมูลที่รวบรวมจากแหล่งต่างๆ ให้เป็นภาพได้อย่างชัดเจน นำเสนอโดยใช้สิ่งที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น กราฟ แผนภูมิ และแผนที่ เป็นต้น ด้วยการใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติพร้อมทั้งปัญญาประดิษฐ์และความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) มิฉะนั้น รูปแบบที่มองไม่เห็น (Invincible pattern) ก็อาจปรากฏขึ้นได้

มุมมองข้อมูลที่เข้าใจได้ง่ายจะสามารถสนับสนุนการทำงานได้หลากหลายวิธี ดังตัวอย่างบางส่วนที่จะกล่าวต่อไปนี้

การตีความข้อมูลภาพ: สมองของมนุษย์สามารถประมวลผลข้อมูลภาพได้เร็วกว่าข้อความถึง 60,000 เท่า การแสดงข้อมูลให้เป็นภาพช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายก้าวนำไปอีกขั้น เนื่องจากเครื่องมือสร้างภาพอัจฉริยะจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์ และช่วยให้มองเห็นความผิดปกติหรือรูปแบบในข้อมูลได้ง่ายขึ้น พวกเขายังสามารถเข้าใจการดำเนินงานได้ดีขึ้น ระบุสิ่งที่ต้องปรับปรุงได้ และค้นพบการเชื่อมโยงหลักฐานที่ขาดหายไปเพื่อการแก้ปัญหาที่รวดเร็วขึ้น

การประยุกต์ใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์: หากผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับกฎหมายสามารถเข้าถึงการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และเชิงกำหนดได้ พวกเขาจะสามารถสร้างและประยุกต์ใช้แบบจำลองทางสถิติซึ่งช่วยแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นด้วยการใช้บริบทจากสถานการณ์ที่จำเป็นต้องมีการสอบสวนเชิงรุก Data Visualisation จึงเป็นหัวใจสำคัญของสิ่งนี้ เพราะจะเป็นการแปลงแบบจำลองการเรียนรู้ของเครื่องให้เข้าใจง่ายและนำเสนอความอัจฉริยะที่นำไปใช้ได้จริง เราสามารถมองเห็นรูปแบบ (Pattern) ได้ ซึ่งเอื้อให้ผู้บังคับใช้กฎหมายเริ่มต้นได้อย่างถูกจุด เทคนิคการสร้างภาพอย่างง่ายด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น การกำหนดช่วงสีตั้งแต่สีเหลืองอำพัน สีแดง ไปจนถึงพื้นที่ที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษบนแผนที่ เป็นต้น

การแบ่งปันข้อมูลที่สำคัญ: Data Visualisation ไม่ได้เป็นเพียงการใช้งานด้านวิชาการสำหรับนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์สำหรับทุกคนในทีมบังคับใช้กฎหมาย ตั้งแต่เจ้าหน้าที่บนท้องถนนไปจนถึงหัวหน้างานและนักวิเคราะห์ในสำนักงาน นักสืบที่กำลังติดตามกลุ่มอาชญากรก็สามารถใช้การแสดงผลภาพของเครื่องมือเหล่านี้เพื่อดูความเชื่อมโยงระหว่างบุคคล ทรัพย์สิน รวมถึงธุรกรรมทางการเงินภายในองค์กรอาชญากรรมโดยไม่จำเป็นต้องมีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล ทุกคนสามารถเห็นสิ่งที่ข้อมูลกำลังบอกเราอยู่ได้ แต่ละกอง แต่ละแผนก ในสำนักงานตำรวจก็สามารถแบ่งปันข้อมูลได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องกลัวว่าระบบจะทำงานร่วมกันไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องมือปัจจุบันสามารถรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งภายในและภายนอกองค์กร และวิเคราะห์เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกผ่านแพลตฟอร์มเดียว แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ข้อมูลต้องบริหารจัดการได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถเปิดดูได้

การจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด: ผู้บังคับใช้กฎหมายมักมองหาการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและวิธีที่ดีกว่าในการจัดการกับบุคลากรและอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัด ทรัพยากรที่มีการจัดระเบียบไม่ดีสามารถส่งผลกระทบต่อทุกอย่างตั้งแต่การกวาดล้างอาชญากรรม ขวัญกำลังใจของแผนก และการรับรู้ในชุมชน ดังนั้น ด้วยการใช้แพลตฟอร์ม Data Visualisation พวกเขาจะมองเห็นพื้นที่ที่ต้องให้ความสนใจได้ในทันทีและในระยะยาว ทั้งยังดูได้ว่าอาชญากรรมใดมีผลกระทบต่อชุมชนมากที่สุด ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ต้องการใช้ทรัพยากรมากที่สุด

การพัฒนาความสัมพันธ์ของคนในชุมชน: การแสดงข้อมูลเป็นภาพช่วยให้ตำรวจมีโอกาสเชื่อมต่อกับชุมชนในท้องที่ โดยสามารถแสดงผลงานของตำรวจในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและโต้ตอบได้ พร้อมทั้งแสดงแนวโน้มอัตราการก่อเหตุ สร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นใหม่ๆ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ด้วยเหตุนี้การแบ่งปันข้อมูลจะช่วยสร้างความไว้ใจและความร่วมมือ ส่งผลให้รวบรวมหลักฐานและแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้ง่ายกว่าเดิม

ตอนนี้มีแพลตฟอร์มที่เหมาะสมพร้อมใช้งานแล้ว โดยผู้บังคับใช้กฎหมายสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น  ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์ด้วยภาพช่วยให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและพลเรือนปลอดภัย ลดต้นทุนการดำเนินงาน และส่งผลให้ผลการสอบสวนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ความสำเร็จในการใช้ Data Visualization มิได้เกิดขึ้นกับกับวงการตำรวจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสายงานอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จจากการใช้งานอีกด้วย  ยกตัวอย่างเช่น สำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสกอตแลนด์ (SEPA: Scottish Environment Protection Agency) ได้ใช้ข้อมูลเพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากผู้ก่อมลพิษที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งช่วยให้เปรียบเทียบข้อมูลได้อย่างใกล้เคียงและเกิดความเชื่อมโยงกัน

SEPA มีบทบาทสำคัญในการทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และสาธารณะ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีอำนาจบังคับใช้กฎหมายเพื่อตรวจตราว่าทุกฝ่ายได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือไม่  อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎระเบียบนั้นต้องอาศัยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อย่างชาญฉลาด เช่น คุณภาพอากาศ น้ำ และดิน เป็นต้น

SEPA มีบันทึกนับล้านรายการย้อนหลังไปหลายทศวรรษในรูปแบบแตกต่างกันไป โดยต้องรวบรวมการวิเคราะห์และการรายงานตัวอย่างการทดสอบด้วยตนเอง เพื่อตั้งค่าควบคู่ไปกับข้อมูลในอดีตเพื่อช่วยระบุแนวโน้มมลพิษ ด้วยการใช้แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่เสริมด้วยวิทยาศาสตร์ข้อมูลและการแสดงข้อมูลให้เห็นภาพ SEPA ได้สร้างโซลูชันที่ปรับแต่งได้หลากประเภทเพื่อจัดการกับงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป พนักงานสามารถพกพาระบบ Visual Analytics บนแท็บเล็ตไปได้ทุกที่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดหรือพกแฟ้มหนาๆ ที่เต็มไปด้วยเอกสารการวิเคราะห์ข้อมูลอีกต่อไป พวกเขาสามารถเรียกใช้การวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างฉับพลันและตอบคำถามที่สงสัยได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ยังมีการใช้งานเพื่อการเฝ้าระวังมลพิษ นิเวศวิทยา และการวัดผลในห้องปฏิบัติการ หรือในกรณีอื่นๆ ซึ่งครอบคลุมไปถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดของอุตสาหกรรม กฎหมาย และใบอนุญาตอีกด้วย

เช่นเดียวกับที่ SEPA การทำ Data Visualization สามารถช่วยให้ผู้บังคับใช้กฎหมายระบุรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในข้อมูลได้ เพื่อให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นในทันที และกรุยทางไปสู่อนาคตเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ซ่อนอยู่ในการปฏิบัติการเพื่อลดอาชญากรรม