หนึ่งในส่วนสำคัญที่ทำให้ผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้คือวัคซีน และวัคซีนชนิด mRNA ก็ถือได้ว่าเป็นพัฒนาการสำคัญที่ทำให้ประชากรโลกสามารถต่อสู้กับไวรัสได้จนถึงวันนี้ และเป็นที่แน่นอนแล้วว่าวัคซีน mRNA น่าจะมีวิวัฒนาการไปอย่างก้าวกระโดดอีกในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ จากความร่วมมือกันระหว่าง IBM และ Moderna ที่จะค้นหาศักยภาพของการใช้ Foundation Model ของ Generative AI และ Quantum Computing ในด้านการแพทย์
ในวงการ AI คำว่า “Foundation Model” นั้นหมายความถึง โมเดล AI ขนาดใหญ่มาก ๆ ที่ถูกเทรนด้วยข้อมูลที่ไม่ได้ติดป้าย (Unlabled Data) จำนวนมหาศาลมาก ๆ ซึ่งส่งผลให้โมเดลสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานหลากหลายรูปแบบ โดย Foundation Model ที่่จะได้เห็นกันในช่วงก่อนหน้านี้ คือ Pre-trained Language Model อาทิ BERT หรือ GPT-3 และพัฒนาการก็ได้เกิดต่อเนื่องจนกลายเป็น Multimodal Foundation Model ที่สามารถทำอะไรที่ซับซ้อนได้มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
ด้วยความร่วมมือที่เกิดขึ้น ทั้งสองจะสร้างสรรค์วิธีการใหม่ที่จะใช้งาน Foundation Model ของ Generative AI ที่พัฒนาโดย IBM ซึ่งมีศักยภาพที่จะช่วยให้ Moderna สามารถสร้างวัคซีน mRNA ชนิดใหม่ที่ไม่มีข้อจำกัดเดิม ๆ แบบวัคซีนที่ใช้กันอยู่ ณ ตอนนี้ รวมไปถึงการใช้งาน Quantum Computing เพื่อสนับสนุน Moderna ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เครื่องคอมพิวเตอร์แบบปัจจุบันนั้นไม่อาจแก้ไขได้
โดย IBM จะร่วมมือกับ Moderna ในการพัฒนา Foundation Model ที่รู้จักกันในนาม MoLFormer ที่เรียนรู้จากชุดข้อมูลระดับโมเลกุลในวงกว้าง เพื่อให้โมเดลสามารถนำไปประยุกต์ (Adapt) ใช้งานใน Use Case หรือ Task ต่าง ๆ ที่อยู่ปลายน้ำ (Downstream Task) ได้อย่างหลากหลายและแตกต่างจากที่ใช้งานโมเดล Deep Learning ในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ IBM ได้ประกาศความร่วมมือกับทาง NASA เพื่อช่วยสร้าง AI Foundation Model สำหรับพัฒนาวิทยาศสตร์ภูมิอากาศในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นเป็นหนึ่งในความพยายามของ IBM ที่มีกับองค์กรในแต่ละอุตสาหกรรมเพื่อที่จะสร้างโมเดล AI ในการแก้ไขปัญหาโลกความเป็นจริง (Real-World Problems) ซึ่ง IBM ยังได้พัฒนา Vela แพลตฟอร์ม Supercomputer ที่มีเป้าหมายหลักในการสร้าง Foundation Model โดยใช้ซิลิกอน x86 ร่วมกับ NVIDIA GPU แล้วด้วย เชื่อว่าวิวัฒนาการในด้านการแพทย์น่าจะพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน