Nutanix ชี้ “Hybrid Multi-Cloud” เทรนด์ Cloud ยุคใหม่ ที่จะเติบโตก้าวกระโดดในอีก 3 ปีข้างหน้า

0

หลายองค์กรได้ผ่านการทำ Cloud Transformation เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็อาจจะยังมีความท้าทายในการบริหารจัดการ Cloud ที่ใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่ง Nutanix ผู้นำในโซลูชันด้าน Hyber-Converged Infrastructure (HCI) ได้ชี้เทรนด์ของ Cloud ยุคถัดไปว่ากำลังจะมุ่งไปสู่ “Hybrid Multi-Cloud”

IT Infrastructure บริหารยากขึ้นเรื่อย ๆ

คุณเฟตรา ชาห์บานา ผู้จัดการประจำกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่เติบโต (Growth Emerging Markets: GEMS) และคุณสุรักษ์ ธรรมรักษ์ หัวหน้าวิศวกรระบบของนูทานิคซ์ (ประเทศไทย)

จาก Business & Tech Update โดย Nutanix เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณเฟตรา ชาห์บานา ผู้จัดการประจำกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่เติบโต (Growth Emerging Markets: GEMS) และคุณสุรักษ์ ธรรมรักษ์ หัวหน้าวิศวกรระบบของนูทานิคซ์ (ประเทศไทย) ได้ชี้ให้เห็นข้อมูลที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของคนไอทีในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ในการการบริหารจัดการแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานไอที (IT Infrastructure) ที่จะมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ อันเนื่องมาจาก

  • แอปพลิเคชันใหม่กว่า 750 ล้านตัวจะเข้าสู่ตลาดภายในปี 2026
  • 85% ของผู้มีอำนาจตัดสินใจในฝั่งไอที (IT Decision Maker หรือ ITDM) เผยให้เห็นถึงความกังวลในการจัดการค่าใช้จ่ายของ Cloud ภายใน IT Infrastructure ปัจจุบัน
  • 99% ได้มีการย้ายแอปพลิเคชันไปใน IT Infrastructure ใหม่ เช่น Public Cloud หรือ Private Cloud แล้วในช่วงปีที่ผ่านมา
  • 50% ของข้อมูลจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ที่บริเวณขอบ (Edge) ภายในปี 2026

“Enterprise Cloud Index” ชี้ IT Infrastructure กำลังจะซับซ้อนขึ้นอีก

นอกจากนี้ จากรายงาน “Nutanix Enterprise Cloud Index (ECI)” ที่ Nutanix จัดทำประจำปีเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ได้เผยให้เห็นถึงเทรนด์ Cloud และ IT Infrastructure ในระดับโลก ว่าองค์กรมี IT Infrastucture ที่ผสม (Mix) หลายอย่างมากขึ้น และมองเห็นว่ากำลังจะเกิดการทำงานเป็นไซโล (Silo) คล้าย ๆ กับที่ผ่านมา

โดยรายงานล่าสุดนี้ได้สำรวจกับผู้ที่เป็น ITDM ถึง 1,450 คนในช่วงระหว่างธันวาคม 2022 ถึงมกราคม 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้สำรวจเห็นตรงกันว่าความสามารถในการย้ายแอปและข้อมูลระหว่างสภาพแวดล้อม (Environment) ได้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ และมีแผนที่จะปรับใช้ HCI ภายใน 2 ปีข้างหน้าอีกด้วย เพื่อขจัดเรื่อง Silo ให้ได้ในการทำงานยุคใหม่หลัง Cloud Transformation ได้สำเร็จ และที่สำคัญคือเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) ที่เห็นพ้องต้องกันว่าสำคัญเช่นกัน

เทรนด์ ECI ประเทศไทยยังตามหลังระดับสากล

นอกจากนี้ คุณเฟตราและคุณสุรักษ์ยังเผยให้เห็นเทรนด์ที่น่าสนใจในผลสำรวจ Enterprise Cloud Index เฉพาะส่วนของประเทศไทย (Thailand ECI) อีกด้วย ซึ่งมีเทรนด์บางข้อที่ยังดูตามหลังเทรนด์สากลระดับโลกอยู่ โดยเทรนด์ 5 ข้อที่หยิบยกขึ้นมาภายในงาน ได้แก่

1. องค์กรไทยจะมีการปรับใช้ IT Infrastructure หลายที่ Mix กันไปมากขึ้นภายใน 3 ปี

จากภาพ ทั้งสองชี้ให้เห็นว่าองค์กรไทย ณ วันนี้มีการใช้บน On-Premises และ Hosted Infrastructure เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจากผลสำรวจจะอยู่ที่ 56% (รวม 2 กลุ่มซ้ายสุด) และภายในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีการใช้ IT Infrastructure ที่ Mix มากขึ้นไปถึง 64%

อีกจุดที่น่าสนใจอย่างมากคือภายใน 3 ปีข้างหน้าคือองค์กรในแบบสำรวจนี้มีแผนที่จะปรับใช้แนวทาง “Hybrid Multi-Cloud” เพิ่มขึ้นจาก 0% มาที่ 50% ซึ่งเทียบกับระดับโลก ณ ตอนนี้ตัวเลขอยู่ที่ 12% และคาดว่าจะไปอยู่ที่ 38% ภายใน 3 ปีข้างหน้านี้ ชี้ให้เห็นว่าการปรับใช้ Hybrid Multi-Cloud กำลังจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ 

2. Data Sovereignty จะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด

เรื่องอธิปไตยข้อมูล (Data Sovereignty) หรืออิสรภาพอำนาจในการ “ควบคุมข้อมูลของตนเองได้” ภายใน Cloud ต่าง ๆ ที่ใช้งานนั้นได้กลายเป็นปัจจัยแรกในการขับเคลื่อนการพิจารณาใช้งาน IT Infrastructure ส่วนเรื่องความยืดหยุ่นในการจัดการ Cloud กับ On-Premises และเรื่อง Sustainability นั้นจะกลายเป็นเรื่องรองที่พิจารณา

3. การจัดการข้อมูลใน Mix Environment ยังคงมีความท้าทายใหม่ ๆ

การใช้ทรัพยากรที่ Mix กันไปมาในหลากหลายแบบ จะสร้างความท้าทายใหม่ ๆ และความต้องการในการบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ได้จากที่เดียว ไม่ว่าจะ Workload ต่าง ๆ ที่ใช้งานหรือข้อมูลที่มี รวมถึงค่าใช้จ่ายของ Data Storage ที่ต้องพิจารณาเมื่อข้อมูลมีเพิ่มมากขึ้น

หากแต่ความท้าทายในเรื่องนี้ของไทยยังคงเป็นเรื่องของ “การจัดการข้อมูล” เพื่อตอบสนองกับกฎระเบียบ (Regulation) ต่าง ๆ ที่มีในไทย เช่น การกู้คืนเมื่อเกิดภัยพิบัติ (Disaster Recovery หรือ DR) หรือความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity) เป็นหลัก ในขณะที่ต่างประเทศนั้นจะเริ่มพิจารณาในเรื่องการใช้ประโยชน์จากข้อมูล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) หรือการจัดการ Orchestration อันเป็นอีกระดับขั้นหนึ่งแล้ว

4. เหตุผลที่หลากหลายในการพิจารณาย้าย IT Infrastructure 

องค์กรไทยที่ตอบแบบสำรวจเกือบทั้งหมดนั้นได้มีการย้ายแอปพลิเคชันระหว่าง IT Infrastructure ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเหตุผลหลักนั้นแตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ พอสมควร โดยองค์กรไทยจะยังคงพิจารณาเรื่องความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล (Data Access)  เรื่อง Security Regulation ที่ต้องการปรับปรุงเพิ่ม ในขณะที่ภูมิภาคอื่นจะพิจารณาเรื่องการจัดการแอปพลิเคชันให้ดีขึ้น หรือการเชื่อมโยง Cloud-Native Services ได้ดีขึ้นแล้ว เป็นต้น

5. ค่าใช้จ่ายที่รู้สึกว่า “ยังไม่แน่นอน”

เรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายของ Cloud ภายใน IT Infrastructure นั้นถือว่ายังคงมีความท้าทาย เพราะความไม่แน่นอนในค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดหรือเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ เช่น ลืมปิด Service หรือ Shut Down แล้วแต่ลืมลบออก เป็นต้น 

“Hybrid Multi-Cloud” คือแนวทางที่ตอบโจทย์

จากข้างต้น ผู้บริหาร Nutanix ทั้งสองได้ชี้ให้เห็นว่าความท้าทายที่มี นั่นคือการบริหารจัดการ IT Infrastructure ที่ใช้งาน Mix กันอย่างซับซ้อนภายในองค์กรอย่างไรให้มีความสะดวกสบายมากที่สุด ซึ่งความสามารถในการบริหารจัดการได้ผ่านช่องทางเดียวในทุก ๆ IT Infrastructure ที่ใช้งานนั้นจะกลายเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด 

เช่นนี้เอง Nutanix จึงมองว่าแนวทาง “Hybrid Multi-Cloud” หรือความสามารถในการบริหารจัดการ Multi-Cloud หลายแห่งได้แบบ Hybrid เชื่อมโยงกันหมด คือสิ่งที่จะตอบโจทย์และจะเป็น Cloud ที่จะใช้งานกันในยุคถัดไป เพื่อลดความเสี่ยง เวลา และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการแอปพลิเคชันและข้อมูลต่าง ๆ ให้สะดวกมากขึ้นและไร้รอยต่อ (Seamless) มากขึ้น สามารถทำ Disaster Recovery ย้าย Workload หรือแอปพลิเคชันไปมาได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่ง Nutanix ได้เปิดตัว 3 โซลูชันในช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนการทำ Hybrid Multi-Cloud อันได้แก่

  • Nutanix Central โซลูชันบริหารจัดการ Hybrid Multi-Cloud ผ่าน Single Management Console เดียวบริหารจัดการแอปและข้อมูลได้ในทุกหนทุกแห่งทั่วโลกที่ใช้แพลตฟอร์ม Nutanix
  • Nutanix Data Services for Kubernetes (NDK) โซลูชันบริหารจัดการข้อมูลในระดับ Container ที่ทำให้การจัดการ Cloud Native Application ทั้ง Lifecycle ให้มีความง่ายและสะดวกขึ้น ซึ่งเริ่มเปิดให้ Early Access ทดลองใช้งานได้แล้ว
  • Project Beacon โครงการนำร่องที่ต้องการแยกความขึ้นต่อกัน (Decoupling) ของแอปพลิเคชันและข้อมูลจากฝั่ง IT Infrastructure เพื่อให้สามารถพัฒนาบริการในลักษณะ Data-centric Platform as a Service (PaaS) ที่ให้บริการจากที่ใดก็ได้ในโลกนี้ ซึ่งคงต้องติดตามรายละเอียดส่วนนี้ในโอกาสถัด ๆ ไป

บทส่งท้าย

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณเฟตราและคุณสุรักษ์แห่ง Nutanix ได้ชี้ให้เห็นถึงเทรนด์ Hybrid Multi-Cloud ที่กำลังจะกลายเป็นเทรนด์ Cloud ในยุคถัดไปที่อาจเกิดขึ้นได้ภายใน 3 ปีหลังจากนี้ทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก ซึ่ง Nutanix ก็ได้มีโซลูชันที่เปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการทำ Hybrid Multi-Cloud ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมาได้เปิดตัวอีก 3 โซลูชัน อันได้แก่ Nutanix Central, Nutanix Data Services for Kubernetes และ Project Beacon ซึ่งเชื่อว่าอนาคตจะมีโซลูชันใหม่ ๆ ออกมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องแน่นอน

สุดท้ายนี้ สำหรับผู้ที่อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับ Hybrid Multi-Cloud เพิ่มเติม สามารถเข้าร่วมฟังในเซสชัน “ก้าวสู่โลกอนาคตของ Cloud ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Hybrid Multi-cloud” ที่คุณสุรักษ์จะบรรยายภายในงาน TTT 2023 RECONNECT ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 สิงหาคม 2023 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา (BITEC Bangna) เวลา 9:30 – 10:00 น. ใน Track 1: Cloud & Data Center ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ทันทีที่ https://conf.techtalkthai.com/re23