ข้อมูลที่ใช้เทรน AI อาจมีอคติ และนำไปสู่การแสดงผลลัพธ์ที่เป็นอคติหรือบิดเบือนได้ เราในฐานะผู้ใช้งานจะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อมูลที่ใช้ฝึก AI มีที่มาจากแหล่งไหน?
บรรดาผู้บริหารจากงาน World Economic Forum ไขกุญแจปลดล็อกปัญหาดังกล่าว โดยมองว่า Blockchain เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Bitcoin และ Cryptocurrency น่าจะเข้ามาประยุกต์ใช้ตรวจสอบข้อมูลโมเดล AI ได้
Blockchain เริ่มเป็นกระแสมาตั้งแต่ปี 2009 หลังจากที่ Bitcoin เหรียญ Cryptocurrency ตัวแรกของโลกได้กำเนิดขึ้นมา โดยในบริบทของ Bitcoin นั้น คือการใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่มีความเป็นสมุดบัญชีสาธารณะ (Public Ledger) ในการบันทึกธุรกรรมที่ทนทานต่อการแก้ไขและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
หลังจากนั้น ธุรกิจต่าง ๆ ก็ได้มองหาการประยุกต์ใช้แนวทางเหล่านั้นในการสร้างสรรค์แอปพลิเคชัน Blockchain แบบใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งบางครั้งจะเรียกว่าเป็นเทคโนโลยีบัญชีกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology หรือ DLT)
เทคโนโลยี Blockchain จึงมีความเป็นไปได้ในการนำมาประยุกต์ใช้กับ AI เพื่อตรวจสอบที่มาของข้อมูลที่ใช้ฝึกโมเดล โดยล่าสุด Casper Labs บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Blockchain เพื่อธุรกิจ ได้ร่วมกับ IBM เพื่อพัฒนาระบบดังกล่าว
Medha Parlika ผู้ร่วมก่อตั้งและ CTO ของบริษัท Casper Labs มองว่า ด้วยผลิตภัณฑ์ที่บริษัทกำลังพัฒนานั้น จะทำให้ชุดข้อมูลได้รับการตรวจสอบและจัดเก็บบน Blockchain เพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่า AI ได้รับการเทรนด้วยชุดข้อมูลใด
ในกรณีที่ AI เริ่มแสดงข้อมูลบิดเบือน ผู้ใช้ก็สามารถย้อนกลับไปดูการเรียนรู้ของ AI และแก้ไขเป็นเวอร์ชันก่อนหน้าได้
Sheila Warren ตำแหน่ง CEO ประจำ the Crypto Council for Innovation ก็เล็งเห็นประโยชน์การใช้งาน Blockchain เพื่อการตรวจสอบข้อมูลที่ใช้ฝึก AI ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ AI มีความยุติธรรมและน่าเชื่อถือมากขึ้น