YouTube เปิดตัวเครื่องมือใหม่ใน Creator Studio ที่กำหนดให้ผู้สร้างคอนเทนท์ระบุอย่างชัดเจนหากวิดีโอนั้นเป็นผลงานที่สร้างหรือถูกปรับแต่งด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งรวมไปถึง Generative AI โดยไม่รวมคอนเทนท์ที่เหนือธรรมชาติอย่างชัดเจน อนิเมชั่นหรือ Special Effect
ในการอัพโหลดวิดีโอไปยังแพลตฟอร์ม YouTube ในส่วนของรายละเอียดวิดีโอ จะปรากฏคำถามว่าวิดีโอดังกล่าวถูกสร้างหรือปรับแต่งด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลหรือไม่ และหากเลือก “ใช่” วิดีโอนั้นก็จะมีป้าย (Label) ระบุอย่างชัดเจนให้ผู้ชมทราบ โดยตัวอย่างของวิดีโอที่เข้าข่ายปรับแต่งโดยเทคโนโลยีก็มีเช่น
- ใช้วิดีโอ ภาพ หรือเสียงที่สร้างขึ้นเพื่อลอกเลียนหรือสื่อถึงบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง รวมไปถึงการตัดต่อใบหน้าเข้าไปใส่ในภาพหรือวิดีโอ หรือการสร้างเสียงพูดสังเคราะห์เพื่อบรรยายวิดีโอ
- วิดีโอตัดต่อจากเหตุการณ์หรือสถานที่จริง เช่น วิดีโอที่ตัดต่อให้อาคารไฟไหม้ หรือการตัดต่อภาพทิวทัศน์เมืองที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
- การจำลองหรือสร้างวิดีโอที่ดูสมจริง ในเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมากแต่ไม่เป็นความจริง เช่น พายุทอร์นาโดที่กำลังจะพัดเข้าสู่เมืองที่มีอยู่จริง
อย่างไรก็ตาม ดังที่ได้กล่าวไว้ว่าการแปะป้ายนี้ไม่มีความจำเป็นสำหรับคอนเทนท์ที่ดูไม่สมจริงอย่างชัดเจน เช่น อนิเมชั่น การจำลองโลกแฟนตาซี หรือเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในแง่มุมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการรับรู้ความจริงของคนดู เช่น ฟิลเตอร์แสงและสี ฟิลเตอร์ความงาม หรือ Special Effect ในวิดีโอ เช่น การเบลอภาพพื้นหลัง
นอกจากนี้ หากครีเอเตอร์ใช้เทคโนโลยีในด้านอื่นๆของการผลิตวิดีโอ เช่น การใช้ Generative เขียนสคริปต์ ช่วยสร้างสรรค์ไอเดีย หรือสร้างซับไตเติ้ลโดยอัตโนมัติ ก็ไม่จำเป็นต้องชี้แจงให้คนดูทราบ
YouTube จะเริ่มเปิดใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวเร็วๆนี้ ทั้งในแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน บนหน้าเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน Smart TV โดยระบบอาจมีการแปะป้ายให้วิดีโอโดยอัตโนมัติหากตรวจสอบพบว่ามีการใช้ GenAI หรือเทคโนโลยีอื่นๆในการผลิตวิดีโอจากมาตรฐานที่ได้กล่าวไป และหากพบว่ามีครีเอเตอร์คนใดจงใจไม่เปิดเผยการใช้เทคโนโลยีตัดต่อหรือสร้าง ก็จะมีมาตรการดำเนินการเพื่อให้แพลตฟอร์มมีความโปร่งใสต่อคนดู