คุณเคยมีอาการใจสั่น เหงื่อออก หายใจไม่ทัน หรือรู้สึกเหมือนจะขาดใจโดยไม่ทราบสาเหตุไหม? หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์เช่นนี้และเข้าใจผิดว่าเป็นโรคหัวใจ ความดัน หรืออาการเจ็บป่วยทางร่างกาย แต่ในความเป็นจริง อาจเป็นอาการของ “โรคแพนิค” หรือชื่อทางการแพทย์ว่า Panic Disorder ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชที่พบได้ไม่น้อย และสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก หากไม่รีบรักษาอย่างเหมาะสม
บทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักว่าโรคแพนิคคืออะไร เกิดจากอะไร มีอาการอย่างไร และจะสามารถรักษาหรือดูแลตัวเองได้อย่างไรบ้าง
โรคแพนิค คืออะไร ?
โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ประเภทหนึ่ง ที่มีลักษณะเฉพาะคือ การเกิดอาการ “แพนิค” หรือ “ตื่นตระหนก” อย่างเฉียบพลันและรุนแรง โดยไม่มีสิ่งกระตุ้นที่ชัดเจน อาการมักเกิดขึ้นกะทันหัน และสร้างความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงให้แก่ผู้ที่เผชิญกับมัน
โรคนี้แตกต่างจากความวิตกกังวลทั่วไป เพราะอาการจะรุนแรงและเกิดขึ้นเป็นระยะ โดยอาจเกิดซ้ำบ่อยจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การหลีกเลี่ยงสถานที่สาธารณะ การกลัวว่าตนเองจะเสียสติ หรือกลัวว่าจะเกิดอาการแพนิคอีก
โรคแพนิคเกิดจากอะไร ?
หากสงสัยว่า โรคแพนิคเกิดจากอะไร ? ต้องบอกว่าสาเหตุของโรคแพนิคยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง เช่น
- พันธุกรรม: หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคแพนิคหรือโรควิตกกังวลอื่น ๆ ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้น
- ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง: โดยเฉพาะสารเซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine)
- ประสบการณ์กระทบจิตใจ: เช่น การประสบอุบัติเหตุ การถูกทำร้าย หรือเหตุการณ์เครียดรุนแรง
- พฤติกรรมและสภาพแวดล้อม: ความเครียดสะสม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การบริโภคคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป
อาการของโรคแพนิคเกิดจากอะไร สังเกตได้อย่างไร ?
อาการของโรคแพนิคมักเกิดขึ้นกะทันหัน และรุนแรง โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
- หายใจไม่ทัน แน่นหน้าอก
- เวียนศีรษะ รู้สึกจะเป็นลม
- เหงื่อออก ตัวสั่น
- รู้สึกเหมือนจะขาดใจ หรือกำลังจะตาย
- ความรู้สึกแปลกแยกจากความเป็นจริง หรือรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวของตัวเอง
อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่นาที และหากเกิดซ้ำบ่อย ๆ โดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน อาจเป็นสัญญาณว่ากำลังเผชิญกับโรคแพนิค
แนวทางการรักษาโรคแพนิค
เมื่อรู้ว่าโรคแพนิคเกิดจากอะไร เรามาดูแนวทางการรักษากัน ซึ่งข่าวดีคือ โรคแพนิคสามารถรักษาได้ โดยแนวทางการรักษาที่แพทย์มักแนะนำ ได้แก่
- การใช้ยา
- ยาต้านซึมเศร้า (SSRIs) เพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมอง
- ยาคลายกังวลในกรณีฉุกเฉินหรือเมื่อมีอาการเฉียบพลัน
- ยาต้านซึมเศร้า (SSRIs) เพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมอง
- การทำจิตบำบัด (CBT – Cognitive Behavioral Therapy)
การบำบัดพฤติกรรมและความคิดที่เกี่ยวข้องกับความกลัว และสอนทักษะในการควบคุมอาการแพนิคเมื่อเกิดขึ้น - การดูแลตนเอง
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และสารกระตุ้นอื่น ๆ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ฝึกการหายใจ การทำสมาธิ และการผ่อนคลายจิตใจ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และสารกระตุ้นอื่น ๆ
เพราะความไม่รู้ว่าโรคแพนิคเกิดจากอะไร จึงกลายเป็นปัญหาที่ทำให้คุณรู้สึกกลัวและกังวลมาก แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียว และที่สำคัญคือ โรคนี้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจอาการ และกล้าที่จะขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือจิตแพทย์ คือก้าวแรกในการดูแลสุขภาพใจของคุณให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
อย่าลังเลที่จะเข้ารับการประเมินอาการ เพราะการเข้าใจและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติและมีความสุขมากขึ้น