ในขณะที่โลกดิจิตอลกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีได้กลายเป็นสิ่งสำคัญที่เข้ายึดทุกพื้นที่จาก ปัญญาประดิษฐ์ไปจนถึงกระบวนการทำงานอัตโนมัติ บริษัททุกหนแห่งต่างก็หันมาพึ่งพาวิทยาการล้ำยุค เพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำในตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่ง ประเทศไทยเป็นตลาดด้านเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง เพราะมีการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก ไทยถือเป็นหนึ่งในหกอันดับดาวรุ่งทางเศรษฐกิจดิจิตอลหรือ “Asean-6” ที่ประกอบด้วยประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม และถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และของโลกที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในด้านเทคโนโลยี
“OutSystems” ประกาศ Roadmap Generative AI เพื่อพัฒนา แก้ไข และปรับขยายแอปพลิเคชั่นที่มีความสำคัญต่อองค์กร [Guest Post]
OutSystems ผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่มี ประสิทธิภาพสูง ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ AI ใหม่ ซึ่งรวมถึงความพร้อมใช้งานทั่วไปของตัวเชื่อมต่อใหม่สำหรับ Azure OpenAI ที่สร้างขึ้นร่วมกับ Microsoft และแผนงานสำหรับชุดความสามารถใหม่ในการสร้าง generative AI โดยใช้ชื่อรหัสว่า “Project Morpheus”
OutSystems ชี้ ก้าวสู่ความเป็น High-Performer DevOps ได้ไม่ยากด้วย Low-Code [Guest Post]
ทีมนักพัฒนาซอฟต์แวร์มีภาระหน้าที่ที่เหมือนกันคือการส่งมอบซอฟต์แวร์ให้ได้มากขึ้นและเร็วขึ้น โดยไม่ลดทอน คุณภาพและเสถียรภาพ ในปัจจุบันที่มีการใช้ทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น ทุกธุรกิจจึงจำเป็นต้อง เปลี่ยนแปลงเสมือนเป็นบริษัทซอฟต์แวร์เพื่อก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันได้
“ROI” ของแพลตฟอร์ม Low-Code ที่องค์กรธุรกิจอาจไม่รู้ [Guest Post]
ภายใต้แรงกดดันของการนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้าและพนักงาน ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนระบบภายในองค์กรธุรกิจที่มีอยู่สำหรับรับมือกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป ฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ช (Forrester Research) ประเมินว่าภายในสิ้นปี 2564 องค์กรธุรกิจ 75% จะหันมาใช้แพลตฟอร์ม Low-Code ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ประโยชน์ของแพลตฟอร์ม Low-Code มีมากมาย เช่น ช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความคล่องตัวให้องค์กรและเพิ่มความรวดเร็วในการเปิดให้บริการแอปพลิเคชัน ขณะที่การสร้างซอฟต์แวร์ด้วยวิธีการพัฒนาแบบเดิมจะต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง อย่างไรก็ดี คำถามที่น่าสนใจก็คือ แพลตฟอร์ม Low-Code ให้ผลตอบแทนการลงทุน (Return on Investment – ROI) แก่ธุรกิจมากน้อยเพียงใด
[Guest Post] องค์กรควรตั้งเป้าลด “หนี้ทางเทคนิค” ให้เป็นศูนย์หรือไม่?
ถ้าธุรกิจคุณอยู่ในแวดวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับหนี้ทางเทคนิค (หรือ Technical Debt) ซึ่งการที่เราต้องคอยดูแลรักษาโค้ดที่มีอยู่หรือปรับปรุงแอปพลิเคชันรุ่นเก่านั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของภาระการทำงานที่เป็นผลมาจากหนี้ทางเทคนิคขององค์กร กล่าวง่าย ๆ ก็คือหนี้ทางเทคนิคหมายถึงการเขียนโค้ดโดยใช้วิธีลัดในอดีต ที่ส่งผลมาถึงอนาคตทำให้คุณต้องแก้ไขอดีตของโค้ดนั้น
[Guest Post] เหตุใดจึงต้องให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ลูกค้าในธุรกิจ Healthcare
บทความโดย: นายเติมศักดิ์ วีรขจรพงษ์ รองประธานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอาท์ซิสเต็มส์
[Guest Post] เอาท์ซิสเต็มส์เผยโฉมแพลตฟอร์มยุคถัดไป ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถด้านการพัฒนาแบบคลาวด์เนทีฟที่เหนือชั้นสำหรับทุกองค์กร
แพลตฟอร์มใหม่ผสานรวมสถาปัตยกรรมคลาวด์ที่รองรับความยืดหยุ่นในการปรับขนาดและแนวทาง CI/CD ที่ทันสมัย เข้ากับสภาพแวดล้อม Low-code ตอบโจทย์ความต้องการของนักพัฒนาระดับมือโปร
[Guest Post] ผู้บริหารไอทีจะเป็นผู้นำส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลระดับโลกแก่ผู้บริโภคได้อย่างไร
บทความโดย มาร์ค วีเซอร์ รองประธานประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของเอาท์ซิสเต็มส์
[Guest] ผู้บริหารไอทีจะปิดช่องโหว่พร้อมนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลที่ลื่นไหลกว่าแก่ลูกค้าได้อย่างไร?
ในปี 2563 ที่ผ่านมา โลกของเราได้ก้าวเข้าสู่ออนไลน์อย่างแท้จริง และการเปลี่ยนแปลงนี้จะดำเนินไปอย่างไม่มีวันถอยกลับ ดังนั้นองค์กรธุรกิจจึงจำเป็นต้องนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและประสบความสำเร็จทั้งในปีนี้และในอนาคต แบรนด์ต่าง ๆ อาจคิดว่าตนเองนำเสนอประสบการณ์ได้ดีพอแล้ว แต่ลูกค้ากลับไม่คิดเช่นนั้น และด้วยเหตุนี้ผู้บริหารไอทีจึงต้องเข้ามามีบทบาทช่วยองค์กรปิดช่องโหว่ดังกล่าว
[Guest Post] เหตุใดองค์กรธุรกิจจึงต้องจ่ายหนี้ทางเทคนิค โดย มาร์ค วีเซอร์ รองประธานประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของเอาท์ซิสเต็มส์
ตามที่สุภาษิตว่าไว้ เวลาไม่เคยคอยใคร นั่นคือสิ่งที่บ่งบอกความรู้สึกในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาขององค์กรธุรกิจ ผู้บริโภค และบางประเทศที่ต้องพยายามอย่างหนักกับการอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานและโปรโตคอลที่ล้าสมัยเพื่อรับมือกับปัญหาใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาด สัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ข้อดีของสถานการณ์การแพร่ระบาดก็คือ ทำให้การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล หรือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงสองเดือน จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาถึงสองปี ทั้งนี้ ภาคส่วนต่าง ๆ ได้ดำเนินการโยกย้ายระบบกันขนานใหญ่ โดยองค์กรธุรกิจต้องย้ายการดำเนินงานไปสู่ระบบออนไลน์ภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ขณะที่พนักงานต้องรีบติดตั้งระบบเพื่อทำงานจากที่บ้าน อย่างไรก็ดี ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้เผยให้เห็นรอยร้าวในส่วนงานไอที หรือที่เรียกว่าหนี้ทางเทคนิค (Technical Debt) ซึ่งเป็นภาระหนักที่องค์กรธุรกิจจะต้องแบกรับ