ความตื่นตัวของนานาประเทศต่อสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีเบื้องหลังยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง ดังที่เห็นได้ในรายงานของคณะกรรมาธิการยุโรปฉบับล่าสุดเดือนมิถุนายนว่าด้วยการประเมินความเสี่ยงการฟอกเงินและการสนับสนุนเงินทุนให้กับการก่อการร้าย ที่มีสกุลเงินดิจิทัลเป็นหนึ่งในหัวข้อในรายงาน
ธรรมชาติของสกุลเงินดิจิทัล ทั้งการดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มบนอินเทอร์เน็ต ความไร้พรมแดนทางภูมิศาสตร์ และการปกปิดตัวตน ทำให้สกุลเงินเหล่านี้มีโอกาสกลายมาเป็นเครื่องมือชั้นดีของเหล่านักฟอกเงินและผู้ก่อการร้าย สำหรับในยุโรปคาดการณ์ว่าปัจจุบันมีผู้ใช้งานสกุลเงินดิจิทัลอยู่ราว 500,000 คนจาก 1-4 ล้านคนทั่วโลกโดยประมาณ
รายงานฉบับดังกล่าวได้ระบุถึงการตรวจพบข้อมูลวิธีการใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ถูกเขียนโดยกลุ่มก่อการร้าย และการพบการฟอกเงินผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล อย่างไรก็ตามการกระทำความผิดทั้งสองกรณีนั้นยังมีตัวเลขที่น้อยมาก ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมีเหตุผลมาจากความซับซ้อนทางเทคโนโลยีในการใช้งานแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัล คณะกรรมาธิการยุโรปจึงระบุให้ทั้งสองกรณีมีความเสี่ยงอยู่ในระดับ 2 – สำคัญปานกลาง เท่านั้น
หนึ่งในปัญหาหลักของแพลตฟอร์มดังกล่าวคือการขาดกฎหมายและการควบคุม ทำให้ไม่สามารถมีการดูแลได้อย่างเต็มที่ จุดนี้เองที่คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นว่าเป็นความเสี่ยงสูง จึงมีการเรียกร้องให้เพิ่มสกุลเงินดิจิทัลลงไปในข้อตกลงด้านการฟอกเงิน และเสนอแนวคิดในการสร้างฐานข้อมูลกลางเพื่อบันทึกตัวตนของผู้ใช้สกุลเงินดิจิทัลและกระเป๋าเงิน ทว่าการสร้างฐานข้อมูลกลางดังกล่าวนั้นเคยได้รับกระแสตอบลับแง่ลบในด้านเทคโนโลยีและความเป็นส่วนตัวมาแล้ว
คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้วยุโรปจะจัดการกับการควบคุมสกุลเงินดิจิทัลไปในแนวทางไหนกันแน่