Microsoft ได้พัฒนาแนวคิดเพื่อสุขภาพมาเป็นเวลาหลายปี ครั้งนี้ทางบริษัทได้เพิ่มความพยายามออกมาเป็นทีม Microsoft Healthcare ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณจะเดินเข้าร้าน Microsoft เพื่อไปตรวจหาไวรัสแต่อย่างใด แต่เป็นความพยายามที่จะสร้างข้อมูลผู้ป่วยในระบบคลาวด์ ผลักดันให้แพทย์ใช้ระบบคลาวด์ และใช้ AI วิเคราะห์ผลการรักษาในท้ายที่สุด
ผู้สร้างซอฟต์แวร์ได้จ้างผู้มีประสบการณ์สองท่านเข้ามาช่วย ท่านแรกคือ Jim Weinstein ซึ่งเป็นอดีต CEO ของ Dartmouth-Hitchcock Health system และเข้าทำงานกับ Microsoft ในฐานะรองประธานของ Microsoft Healthcare และจะทำงานร่วมกับองค์กรสาธารณสุขเพื่อย้ายระบบไปสู่คลาวด์ ท่านที่สองคือ Joshua Mandel ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายสถาปนิกให้กับ Microsoft Healthcare ก่อนหน้านี้เคยทำงานใน Verily venture (Google Life Sciences เดิม) และเขาจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนเพื่อออกแบบระบบ open cloud สำหรับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพทั้งหลาย
Microsoft พยายามที่จะหาวิธีย้ายข้อมูลการรักษาไปยังระบบคลาวด์อย่างปลอดภัยและยังคงต้องเก็บข้อมูลเป็นความลับตามกฎ ทีม Microsoft Healthcare ใหม่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนก AI และวิจัยของบริษัท โดย Peter Lee หัวหน้า Microsoft Healthcare อธิบายว่า “เรามั่นใจว่าในหลายๆ ด้านของพื้นฐาน IT เพื่อการรักษานั้นจะย้ายจากคลินิกไปอยู่ในระบบคลาวด์ เรากำลังเริ่มต้นวางโครงการที่ตั้งใจจะสร้างมาตรฐานขั้นตอนสำหรับการเก็บรักษาข้อมูลผู้ป่วยโดยได้รับการยินยอมและรักษาความเป็นส่วนตัวไว้ในระบบคลาวด์ และสร้างระบบติดตามผลอัตโนมัติด้วยระบบเรียนรู้และข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
Lee ยอมรับว่า งานนี้ไม่ง่ายสำหรับ Microsoft เพราะมีการแข่งขันที่จะนำเทคโนโลยีมาสู่ระบบการรักษามากขึ้น โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ ทั้ง IBM, Baidu, Google และ Alibaba ก็กำลังริเริ่มโครงการคล้ายๆ กัน แต่ IBM ก็เผชิญกับปัญหาอยู่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การใช้ AI ในการรักษานั้นจะเติบโตขึ้นในช่วงทศวรรษถัดจากนี้และจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างยิ่งสำหรับด้านการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา Microsoft เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์ อุปกรณ์ IoT และ IT ในด้านการรักษาเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้ ทางบริษัทจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Microsoft Healthcare มากขึ้นในช่วงปลายปีนี้