Microsoft เผยผลงาน AI ช่วยผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาอีเมล์เพื่อเตรียมตัวประชุมอีกต่อไป

0

เชื่อว่าพนักงานออฟฟิศทุกท่านคงเคยประสบปัญหากับการค้นหาอีเมล์เพื่อนำไปใช้ในที่ประชุมกันมาบ้าง แม้ปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงอะไรนัก แต่มันก็สร้างความเบื่อหน่ายให้แก่ Adam Troy มากพอที่จะจุดประกายให้ทีมนักพัฒนาและวิจัยจาก Microsoft ร่วมมือกันนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยแก้ไข

ผลงานการความร่วมมือกันแก้ปัญหานี้ของทีม data scientist และนักพัฒนาในการ คือระบบที่ชื่อว่า CAPERS (Calendar-Aware Proactive Email Recommender System) ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเข้าใจบริบทของอีเมล์เข้ามาช่วยคัดเลือกอีเมล์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวเข้าร่วม event เช่นการประชุม ในปฏิทินขึ้นมาแสดง ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการค้นหาอีเมล์เพื่อเตรียมการอีกต่อไป โดยมีปัจจัยการตัดสินใจจากหัวข้อ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับ event และเนื้อหาในเหตุการณ์ภายในปฏิทิน

ความท้าทายในการพัฒนาระบบเช่น CAPERS นั้นคือการพัฒนาระบบที่สามารถแนะนำได้อย่างแม่นยำถูกต้องตามบริบทด้วยการเรียนรู้จากข้อมูลในการ training ที่จำกัดเนื่องจากประเด็นความเป็นส่วนตัว โดยในขั้นตอนการพัฒนา ทีมงาน Microsoft Research ได้ทดลองการทำงานของโมเดล machine learning 4 แบบ ก่อนจะเลือโมเดลที่มีอัตรา user engagement สูงที่สุดตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ซึ่งขั้นตอนการเปรียบเทียบและทดลองเหล่านี้ทีมงาน Microsoft ได้ทำการตีพิมพ์ในงานวิจัยฉบับล่าสุดโดยละเอียด

Microsoft เชื่อว่า CAPERS นั้นจะก้าวเข้ามาเป็นฟีเจอร์ใน Outlook ที่ช่วยกำจัดปัญหาการเสียเวลาในการค้นหาอีเมล์เพื่อเตรียมตัวเข้าประชุมได้อย่างมีประสิทธิ ซึ่งหากลองคิดจากตัวเลขการสำรวจที่พบว่าพนักงานออฟฟิศในสหรัฐฯใช้เวลากว่าร้อยละ 37 ในการประชุม ก็พอจะอนุมานได้ว่าปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ productivity ของผู้ใช้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยปัจจุบัน Microsoft ได้เริ่มทดลองใช้งานระบบ CAPERS นี้ภายในบริษัทก่อน เพื่อยืนยันว่าระบบดังกล่าวจะสามารถขยายผลไปยังลูกค้าจำนวนมากของ Outlook ได้โดยไม่มีปัญหา

CAPERS นั้นเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความซับซ้อนมาประยุกต์ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในอนาคต เราจะได้เห็นการแฝงตัวของ AI ในส่วนประกอบเล็กๆของสินค้าและบริการเช่นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นสิ่งนี้เสียมากกว่าหุ่นยนต์ล้ำสมัยหรือรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเอง ที่จะเป็นคลื่นลูกแรกของความเปลี่ยนแปลงสู่ยุคทองของ AI