ปัญหาของขยะพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อมนั้นสะสมมายาวนานและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่พ้นผ่าน มีการออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์จากหลายฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหา รวมไปถึงอุตสาหกรรมอาหารซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ใช้พลาสติกรายใหญ่ของโลก และแคมเปญล่าสุดที่เรากำลังจะได้เห็น คือการจับมือของ 2 คู่แข่งในอุตสาหกรรมกาแฟอย่าง McDonald’s และ Stackbucks เพื่อค้นหาแก้วที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในโครงการ NextGen Cup Challenge
ในแต่ละปี McDonald’s และ Starbucks มีการใช้แก้วพลาสติกรวมๆกันแล้วว่า 24 ล้านใบทั่วโลก และแม้แก้วทุกใบของร้านดังทั้งสองนี้จะสามารถรีไซเคิลได้ตามทฤษฎี ในทางปฏิบัติแล้ว การรีไซเคิลแก้วกาแฟและเครื่องดื่มนั้นกลับไม่ได้ช่วยลดขยะเท่าที่ควร
Starbucks จึงจัดโครงการ NextGen Cup Challenge ขึ้นร่วมกับบริษัทลงทุนนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม Closed Loop Partners และ McDonald’s ผู้มาเข้าร่วมในภายหลัง เพื่อประกวดไอเดียวัสดุและดีไซน์ของแก้วแห่งอนาคตที่จะเข้ามาแทนที่แก้วในแบบเดิม โดยทีมผู้ชนะการประกวดจะได้รับเงินทุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯพร้อมกับการเข้าร่วมในโครงการบ่มเพาะเพื่อร่วมกับ Starbucks และ McDonald’s พัฒนาแก้วดังกล่าวขึ้นมาใช้งานจริงในร้าน
ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญและจะเป็นตัวตัดสินในการประกวดครั้งนี้ คือความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนไอเดียในกระดาษให้กลายมาเป็นแก้วที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจริงที่จะถูกใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยทั้ง McDonald’s และ Starbucks นั้นต่างก็มีประสบการณ์กับแก้วกระดาษเคลือบโพลีเอทิลีนในปัจจุบันที่ขึ้นชื่อว่า”รีไซเคิลได้”แต่ไม่สามารถทำได้จริง เพราะข้อแตกต่างของการดำเนินการรีไซเคิลในแต่ละพื้นที่ (เช่น ผู้ดำเนินการรีไซเคิลรัฐและเอกชน กระบวนการและเทคโนโลยีรีไซเคิลที่แตกต่างไม่มีมาตรฐาน ฯลฯ) ดังนั้นแก้วในอนาคตที่พวกเขาคาดหวัง จึงเป็นแก้วที่ supplier สามารถผลิตได้ในจำนวนมาก และในขณะเดียวกันโรงงานรีไซเคิลและย่อยสลายขยะก็สามารถจัดการกับมันได้อย่างแพร่หลาย
และแม้การจับมือของ 2 คู่แข่งด้านกาแฟในครั้งนี้จะทำให้หลายๆคนแปลกใจ แต่ McDonald’s เชื่อว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้นั้นเป็นการร่วมมือเพื่อค้นหาทางเลือกที่ดีขึ้นให้กับอุตสาหกรรมอาหารและโลก ซึ่งการพัฒนาวัสดุที่ดีขึ้นนั้นไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อผลประกอบการแต่อย่างใด
“[ปัญหาพลาสติก]เป็นปัญหาของสังคม และมันมีหนทางที่เราจะร่วมมือกัน ไม่ใช่ในฐานะคู่แข่ง แต่ในฐานะนักแก้ปัญหา เราสามารถใช้สเกลของเราทั้งสองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงได้” Marion Gross หัวหน้าฝ่าย Supply Chain ของ McDonald’s สหรัฐอเมริกากล่าว
โครงการ NextGen Cup Challenge นี้จะเริ่มอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยเปิดรับผลงานทั้งจากผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย