สตาร์ทอัพและองค์กรขนาดใหญ่นั้นมีที่มาที่ไปและรูปแบบการดำเนินการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่าเมื่อมีเป้าหมายร่วมกัน องค์กรขนาดใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและสตาร์ทอัพผู้โดดเด่นด้านความสดใหม่ของไอเดียก็สามารถผนึกกำลังเพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆได้ วันนี้ เราชวนไปรู้จักกับ Bangkok Bank InnoHub โครงการ Startup Accelerator ระดับนานาชาติจากธนาคารกรุงเทพที่กำลังจะเผยรายชื่อสตาร์ทอัพ Finalists ที่ได้รับคัดเลือกให้ร่วมโครงการใน Season 2 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
โครงการ InnoHub หรือในชื่อเต็มๆว่า Bangkok Bank InnoHub เป็นโครงการ Startup Accelerator 12 สัปดาห์ที่เปิดรับสมัครบริษัทสตาร์ทอัพเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทำ Proof-of-Concept (PoC) ร่วมกับธนาคารกรุงเทพอย่างใกล้ชิด ระหว่างเข้าร่วมโครงการ สตาร์ทอัพจะได้รับการดูแลจาก Mentor ผู้บริหาร และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเงิน โดยหลังจากจบโครงการ 12 สัปดาห์ สตาร์ทอัพผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับโอกาส Pitch นำเสนอนวัตกรรมของตนให้กับนักลงทุนด้วย
จุดที่น่าจับตามองของ Bangkok Bank InnoHub คือเกณฑ์ในการรับสมัครผู้ร่วมโครงการที่แตกต่างออกมาจาก accelerator รายอื่นๆ คือ
- InnoHub Season 2 เปิดรับสมัครสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการจากทั่วโลกไม่เพียงแต่ประเทศไทยหรือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น การทำเช่นนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการและ BBL เองได้เรียนรู้จากความหลากหลายของการใช้เทคโนโลยี วัฒนธรรม และรูปแบบการทำงาน และ
- InnoHub Season 2 เน้นไปที่การคัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีผลิตภัณฑ์และการดำเนินการเป็นรูปเป็นร่างในระดับหนึ่ง ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจว่านวัตกรรมที่เข้าร่วมโครงการมีศักยภาพมากพอที่จะใช้แข่งขันในโลกธุรกิจและให้บริการแก่ผู้คนทั่วไปได้จริง
โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา โดย InnoHub ได้คัดสรร FinTech Startup 8 รายเข้าร่วมโครงการ หนึ่งในผลงานความสำเร็จจาก Season แรกก็คือแอปพลิเคชันที่ผู้อ่านหลายท่านอาจคุ้นกันมาบ้างอย่างแอปพลิเคชัน Bualuang Fund (BF) ซึ่ง BBL Asset Management ได้พัฒนานวัตกรรมร่วมกับ FundRadars หนึ่งในสตาร์ทอัพร่วมโครงการออกมาเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ข้อมูลการลงทุนอย่างรวดเร็วง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
สำหรับในปีนี้ก็เช่นกันโครงการ InnoHub Season 2 ได้มีการเปิดรับสมัครสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการเป็นปีที่สองอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการมาเน้นใน 5 ธีมหลักที่ทางธนาคารสนใจเป็นพิเศษ ดังนี้
Creating Unique Customer Experience
ความสำเร็จของธุรกิจคือการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และธุรกิจจำนวนมากก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างประสบการณ์การใช้บริการที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น หัวข้อแรกนี้มุ่งค้นหานวัตกรรมที่จะช่วยให้ธุรกิจจัดการกับขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ เช่น การจัดการคิวในการให้บริการ การสะสมแต้ม การเข้าสู่ระบบที่มีทั้งความปลอดภัยและสะดวกสบาย ซึ่งทั้งหมดนี้ อาจเป็นการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆอย่าง Big Data, IoT, หุ่นยนต์และแชทบอท,หรือ AR/VR เป็นต้น
Digitalization and Automation
ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลนั้นได้เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการปฏิบัติงานต่างๆ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีอย่าง Automation และ AI ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงทั้งประสิทธิภาพและรูปแบบการทำงานไปอย่างสิ้นเชิง คำถามของข้อนี้คือนวัตกรรมใดบ้างที่จะช่วยธุรกิจจัดการขั้นตอนการทำงาน และช่วยให้องค์กรทำงานได้ดีกว่าเดิม
Future SME Solution
ธุรกิจ SMEs นับเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และเพื่อพัฒนาให้ธุรกิจเหล่านี้เข้มแข็งและสามารถเติบโตในโลกที่มีการแข่งขันสูงเช่นทุกวันนี้ได้ ธุรกิจจึงจำเป็นจะต้องหันมาหาตัวช่วยจากเทคโนโลยีกันมากขึ้น ธีมนี้เน้นไปที่การเสาะหานวัตกรรมที่จะเข้าช่วยแก้ไขปัญหาที่ SMEs ส่วนใหญ่ต้องเผชิญ เช่น คะแนนเครดิตในการขอสินเชื่อ หรือการดำเนินธุรกิจที่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการบริหารงาน
Innovative Payment
เป็นที่ทราบกันดีว่าอนาคตของการชำระเงินนั้นจะอยู่ในรูปแบบไร้เงินสดผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นส่วนใหญ่ และเราก็เริ่มเห็นโซลูชันการจ่ายเงินผ่านระบบดิจิทัลในรูปแบบต่างๆกันมากขึ้นเรื่อยๆ โจทย์ในข้อนี้นั้นชวนสตาร์ทอัพมาระดมสมองเจาะลึกลงไปกว่าเดิมว่าเทคโนโลยีชำระเงินจะมีประสิทธิภาพมากกว่านี้และใช้ต้นทุนต่ำกว่านี้ได้ไหม? เราสามารถมีระบบ Payment ที่เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจมากกว่านี้ได้หรือเปล่า? แล้วสำหรับผู้คนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน (Unbanked) เราจะช่วยพวกเขาได้มากขึ้นอย่างไรบ้าง?
Discovering Cutting Edge Technology
ในหัวข้อสุดท้ายนี้เปิดกว้างให้ผู้สมัครส่งผลงานนวัตกรรมไม่จำกัดเทคโนโลยีและหัวข้อการใช้งานโดยมีเพียงโจทย์ว่าจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของสถาบันการเงินได้อย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองว่าสตาร์ทอัพผู้สนใจจะตีความโจทย์นี้ไปในทิศทางไหน และจะหยิบเทคโนโลยีน่าตื่นเต้นชนิดได้ขึ้นมาใช้บ้าง
ทั้ง 5 ธีมหลักของ InnoHub Season 2 ในปีนี้นั้นเป็นหัวข้อที่อาจได้ยินกันมาในแวดวงเทคโนโลยีและการเงินสักพักแล้ว สิ่งที่น่าติดตามในครั้งนี้จึงอยู่ที่การขบคิดตีความประเด็นทั้ง 5ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่าในโลกที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาบางแล้วเช่นในปัจจุบัน เทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงในส่วนไหนได้อีก สิ่งที่ดีอยู่แล้วจะดีขึ้นอีกได้อย่างไร หรืออะไรบ้างที่เราจะต้องล้มล้างเพื่อเดินหน้าไปต่อ
นอกจากจะเป็นโครงการที่สร้างชุมชนแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากสตาร์ทอัพจากทั่วทุกมุมโลกและบ่มเพาะไอเดียที่มีศักยภาพในการพัฒนาชีวิตประจำวันของผู้คนแล้ว โครงการ InnoHub ยังสะท้อนให้เห็นแนวทางที่น่าสนใจที่สถาบันการเงินขนาดใหญ่อย่าง BBL เลือกเข้ามาใช้เพื่อเปิดรับความคิดสร้างสรรค์จากภายนอกเข้ามาพัฒนาการให้บริการของธนาคาร เพราะไม่ว่าอุตสาหกรรมการเงินจะมีการกำกับดูแลที่เคร่งครัดขนาดไหน ธนาคารในโลกปัจจุบันก็เร่งพัฒนาอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
กิจกรรมที่เพิ่งผ่านมาของโครงการ InnoHub Season 2 คือ Pitch Day เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2561ที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพผู้สมัครมานำเสนอไอเดียกันสดๆ ต่อหน้าคณะกรรมการซึ่งอีกไม่นานเกินรอ เราก็จะได้รู้กันว่าสตาร์ทอัพผู้สมัครเข้าร่วมโครงการนี้จะเป็นใครบ้าง และโซลูชันแบบไหนที่จะผ่านเป็น Finalists เข้าไปร่วมโครงการในปีนี้