สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีรายได้หลักจากน้ำมัน แต่อาจจะลดการพึ่งพาน้ำมันลงไปบ้างแล้ว เพราะ The Emirate Water and Electricity Company ได้เริ่มใช้งาน Noor Abu Dhabi โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสามารถในการผลิตสูงสุดถึง 1.18 กิกะวัตต์
มีการประเมินว่า แผงโซลาร์ Noor Abu Dhabi ทั้ง 3.2 ล้านชิ้น สามารถให้พลังงานเพียงพอแก่คนจำนวน 90,000 คน และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1 ล้านเมตริกตัน ซึ่งเท่ากับการลดจำนวนรถออกจากถนนถึง 200,000 คันเลยทีเดียว
ยากที่ปฏิเสธได้ว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใช้โซลาร์ฟาร์มเพื่อเป็นเครื่องมือสร้างชื่อให้กับประเทศ แม้จะมีผลเป็นรูปธรรมต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ความจริงคือ ประเทศนี้ก็ยังคงพึ่งพาน้ำมันเป็นหลัก ล่าสุดทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้กล่าวว่าจะลดการผลิตน้ำมันเพื่อสร้างสมดุลให้กับตลาด แต่ก็ไม่ได้ถอยออกจากด้านพลังงานเชื้อเพลิง
The world’s largest single solar plant, Noor Abu Dhabi, with a production capacity of nearly 1,177 MW commences commercial operation – a major milestone for the future of #sustainablenergy pic.twitter.com/HHVMyaMXYY
— مكتب أبوظبي الإعلامي (@ADMediaOffice) June 29, 2019
ทั้งนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงพัฒนาต่อเนื่อง และเราก็สามารถคาดหวังถึงโครงการพลังงานแสงอาทิตย์สร้างสถิติอื่นๆ ได้ในอีกไม่นานนี้ ซึ่ง Emirates Water and Electric มีแผนว่าจะสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 กิกะวัตต์ และซาอุดิอาระเบียก็มีข้อตกลงร่วมที่จะสร้างพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 2.6 กิกะวัตต์ ในเมืองเมกกะ ภูมิภาคนี้จึงเริ่มเป็นมิตรต่อโลกมากขึ้นทุกที แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะละทิ้งแหล่งทรัพยากรทำเงินอยู่ดี