ปัจจุบันในอุตสาหกรรมประกันภัยนั้น แนวคิดของ Use-based Insurance (UBI) หรือแผนประกันภัยแบบจ่ายตามที่ใช้งานจริงนั้นกำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ และสดๆร้อนๆในประเทศไทยเอง ไทยวิวัฒน์ได้จับมือกับ AIS พัฒนาโซลูชันประกันภัยรถยนต์จ่ายเบี้ยตามการใช้งานจริง โดยใช้เทคโนโลยี NB-IoT เข้ามาช่วยให้การใช้งานนั้นสะดวกและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม
ประกันภัยรถยนต์นั้นนับเป็นความคุ้มครองทางเลือกที่เจ้าของรถสามารถตัดสินใจเองได้ว่าจะเลือกซื้อแบบใด ซึ่งโดยปกติแล้ว ประกันภัยรถยนต์เช่นนี้จะมีการชำระค่าเบี้ยเป็นรายปี และเป็นที่น่าสนใจว่าในประเทศไทยนั้น มีอัตราส่วนผู้ซื้อประกันภัยรถยนต์อยู่เพียงราว 30% เท่านั้น
ปัจจัยหนึ่งที่อาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้รถส่วนใหญ่คือการจ่ายค่าเบี้ยรายปีที่มีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ใช้รถยนต์มากนัก อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่คุ้มค่าขึ้น ทางไทยวิวัฒน์เห็นโอกาสในการเจาะตลาดผู้ใช้รถยนต์ในกลุ่มนี้ จึงเกิดไอเดียสร้างผลิตภัณฑ์ประภัยรถยนต์เปิดปิด ที่มีการเก็บค่าบริการตามการใช้งานจริง หรือ Pay As You Drive นั่นเอง
และในวันนี้ ไทยวิวัฒน์ก็กำลังจะยกระดับบริการดังกล่าวไปอีกขั้น ด้วยการนำเทคโนโลยี IoT เข้ามาช่วยให้การใช้บริการสะดวกสบายมากขึ้น โดยไทยวิวัฒน์ได้จับมือกับ AIS พัฒนาโซลูชันประกันภัยเปิดปิดด้วยเทคโนโลยี NB-IoT ซึ่งทาง AIS กล่าวว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเทคโนโลยีอื่นๆในท้องตลาด กินพลังงานน้อย รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จำนวนมาก อีกทั้งยังครอบคลุมการใช้งานทั้งภายในอาคาร ภายนอกอาคาร และชั้นใต้ดินด้วย
ในการใช้งาน เมื่อสมัครใช้งานเรียบร้อยแล้ว เจ้าของรถยนต์สามารถเลือกเติมแพ็คเกจประกันตามความคุ้มครองที่ต้องการได้ผ่านแอปพลิเคชัน โดยในแต่ละแพ็คเกจก็จะมีราคาและระยะเวลาการใช้งานที่แตกต่างกันไป จากนั้นผู้ใช้ก็ต้องนำอุปกรณ์ตรวจจับการใช้งานรถยนต์ไปเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB ของรถยนต์ และเมื่อสตาร์ทรถ เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ก็จะส่งสัญญาณไปยังระบบบนคลาวด์ของไทยวิวัฒน์ และเริ่มบันทึกเวลาการใช้งานรถยนต์จริงในระดับวินาทีโดยอัตโนมัติ ซึ่งเวลาการใช้งานจริงนี้ก็จะถูกนำไปหักลบกับจำนวนชั่วโมงในแพ็คเกจที่ได้เติมไว้ในแอปพลิเคชันผ่านการเชื่อมต่อ eSim ไปยังระบบคลาวด์ โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบค่าบริการและตั้งค่าอื่นๆได้ในแอปพลิเคชันของไทยวิวัฒน์แบบ Real-time
ด้วยโซลูชันเช่นนี้ ผู้ใช้รถยนต์ก็จะสามารถใช้งานประกันรถยนต์เปิดปิดได้ง่ายกว่าเดิม หมดปัญหาการลืมเปิดหรือปิดการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันทำให้เสียความคุ้มครองและเสียชั่วโมงที่เติมไว้โดยใช่เหตุ นอกจากนี้แล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อประกันภัยรถยนต์ โดยเมื่อเทียบกับการซื้อแบบรายปีแล้ว จะประหยัดเงินได้ถึง 40% เลยทีเดียว
ประกันรถยนต์เปิดปิดนั้นเหมาะสำหรับเจ้าของรถยนต์ที่มีการใช้งานรถยนต์ไม่มาก เฉลี่ยการใช้งานราว 4 ชั่วโมงต่อวัน หรือผู้ที่มีรถยนต์หลายคัน โดยหากเกิดอุบัติเหตุกับรถที่จอดอยู่เฉยๆ ไม่ได้เปิดใช้งานประกัน ก็ยังสามารถเคลมความคุ้มครองได้ปกติ ราคาเริ่มต้นของแพ็คเกจประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ จะอยู่ที่ 600 บาทต่อการใช้งาน 144 ชั่วโมง และหากซื้อแพ็คเกจประกันระยะเวลา 4 เดือนขึ้นไป ทางไทยวิวัฒน์จะมอบอุปกรณ์เชื่อมต่อ NB-IoT ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
โซลูชันประกันภัยดังกล่าวนับเป็นตัวอย่างหนึ่งของการนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ๆได้อย่างน่าสนใจ ก็น่าติดตามต่อไปว่า นวัตกรรมเช่นนี้จะสามารถขยายผลไปยังกรณีการใช้งานอื่นๆได้มากแค่ไหนในอนาคต โดยไทยวิวัฒน์เผยว่าพวกเขาก็กำลังศึกษาถึงการประยุกต์ไปใช้ในกลุ่มธุรกิจการขนส่ง และธุรกิจลอจิสติกส์เช่นกัน
อ่านข้อมูลของประกันรถเปิดปิดได้ที่ http://www.thaivivat.co.th/campaign/prepaid/ และสำหรับผู้ที่อยากศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการด้านเทคโนโลยี IoT ของ AIS สามารถเข้าไปได้ที่ http://business.ais.co.th/iot