เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ Uber ได้ทดสอบฟีเจอร์ที่จะให้ผู้เดินทางบันทึกเสียงผ่านแอปได้หากตนรู้สึกไม่ปลอดภัยขณะเดินทาง ตอนนี้ Uber กำลังเริ่มทดลองฟีเจอร์บันทึกเสียงดังกล่าวในเมืองบางแห่งในบราซิลและเม็กซิโกก่อนที่จะใช้งานในสหรัฐอเมริกาเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้โดยสารและคนขับ
ตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป ผู้ใช้งานในเมืองดังกล่าวจะสามารถเลือกเปิดใช้งานบันทึกเสียงตลอดการเดินทางได้ หากผู้ใช้งานต้องการรายงานว่าเดินทางปลอดภัยหรือไม่หลังจากจบสิ้นการเดินทางแล้ว ก็สามารถส่งคลิปเสียงไปยังเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าของ Uber ได้ ทั้งนี้ผู้โดยสารและคนขับจะไม่สามารถย้อนกลับไปฟังคลิปเสียงที่บันทึกไว้ได้แต่อย่างใด
The Washington Post รายงานว่า ในเมืองที่เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ ผู้ใช้งานอาจจะได้รับแจ้งเตือนว่าการเดินทางครั้งนั้นจะถูกบันทึกเสียง ซึ่ง Uber คาดว่าจะนำฟีเจอร์บันทึกเสียงมาใช้ในสหรัฐอเมริกาในเร็วๆ นี้ แต่กฎหมายยินยอมให้บันทึกเสียงได้นั้น ซึ่งต่างกันออกไปในแต่ละรัฐ อาจทำให้การนำฟีเจอร์มาใช้จริงล่าช้าออกไป ยกตัวอย่างเช่นในแคลิฟอร์เนีย ทุกฝ่ายต้องยินยอมให้บันทึกเสียงได้
Uber และคู่แข่งอย่าง Lyft ได้เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการรับมือกับการร้องเรียนเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยเฉพาะรายงานเรื่องการคุกคามทางเพศ ทาง Uber ได้เพิ่มเครื่องมืออย่างเช่น ปุ่มตกใจ และทดสอบอยู่เบื้องหลัง แต่ก็มีข่าวลือว่า บริษัทกำชับกับพนักงานไม่ให้เปิดเผยเรื่องอาชญากรรมแต่อย่างใด
ในทางทฤษฎีแล้ว หากคนขับทราบว่าตนกำลังถูกบันทึกเสียงอยู่ ก็อาจจะไม่ทำร้ายหรือประพฤติตนไม่เหมาะสมกับผู้โดยสาร แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยัน เพราะนี่อาจเป็นเพียงอีกวิธีที่ Uber ใช้เพื่อปกป้องบริษัทเองก็เป็นได้