COVID-19 ที่กำลังระบาดอยู่นั้นส่งผลกระทบและความปั่นป่วนไปทั่ว โดยอัลกอริทึมที่อยู่ในซอฟต์แวร์ก็หนีไม่พ้น เมื่อสถานการณ์ที่มีลักษณะรุนแรงพิเศษเฉพาะตัวนี้เข้าไปทำให้การคาดการณ์ดีมานด์และคำแนะนำการจัดการ Supply Chain ของธุรกิจค้าปลีกเพี้ยนไป
ในสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ การเตรียมสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเทคโนโลยีที่เคยช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถคาดการณ์และจัดการคลังสินค้าได้อย่างแม่นยำนั้นกลับประสบปัญหา เพราะหากนึกดูแล้ว สถานการณ์ COVID-19 นั้นเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไปจากสถานการณ์อื่น และส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตและธุรกิจทั่วโลกในแบบที่โรคระบาดหรือภัยธรรมชาติอื่นๆไม่เคยก่อให้เกิดมาก่อน
ด้วยความเฉพาะเจาะจงของสถานการณ์โควิด 19 นี้เองอัลกอริทึมสำหรับคาดการณ์ดีมานด์และเทรนด์ของการขายสินค้าที่มีพื้นฐานของระบบมาจากข้อมูลประวัติการซื้อขายและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ถูกเก็บสะสมมานานนับปีจึงแทบไม่มีผลอะไรในการคาดการณ์ Supply Chain ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้เลย โดย The Verge รายงานว่า Walmart ค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐเป็นหนึ่งในองค์กรที่กำลังเผชิญความท้าทายนี้ ซึ่งทำให้ระบบ Supply Chain ของพวกเขามี Recommendation ออกมาบ่อยขึ้น
แล้วธุรกิจค้าปลีกต้องทำอย่างไรต่อไป? คำตอบในงานนี้คือการใช้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยตัดสินใจมากขึ้น คุณ Joel Beal หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Alloy บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่าบริษัทอย่าง Walmart และ Amazon มีการใช้ระบบ Machine Learning ที่ซับซ้อนเพื่อเข้าไปช่วยวิเคราะห์ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิดเพิ่มเติมจากการคาดการณ์แบบเดิมๆ แต่ระบบเหล่านั้นก็ไม่อาจให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำเทียบเท่ากับก่อนสถานการณ์โควิดได้
ดังนั้นธุรกิจจึงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากนักวางแผนอุปสงค์และนักวิเคราะห์เพื่อพิจารณาผลลัพธ์การคาดการณ์ของอัลกอริทึมอีกขั้นหนึ่งว่าจะสามารถเชื่อถือและทำตามคำแนะนำของซอฟต์แวร์ได้มากแค่ไหน
และนี่ก็เป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดของอัลกอริทึมและ Machine Learning ในปัจจุบัน และย้ำถึงความสำคัญของผู้เชี่ยวชาญที่สามารถตัดสินใจร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ได้