ในช่วงเดือนสิงหาคม 2020 ที่ผ่านมา ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณซามีร์ ซายิด กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเกาหลีแห่ง Poly บริษัทที่เกิดจากการรวมกันของ Plantronics และ Polycom เกี่ยวกับแนวโน้มของการทำงานในอนาคตที่จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจในเชิงของการจ้างงานในอนาคต, Security, Call Center/Contact Center, 5G, AI และทิศทางของโซลูชัน Enterprise Collaboration ในอนาคต จึงขอสรุปเนื้อหาให้ทุกท่านได้อ่านกันดังนี้ครับ
*** การพูดคุยสัมภาษณ์ครั้งนี้ต่อเนื่องจากการเข้าร่วมการแถลงข่าวประเด็นนี้ครับ – โพลี ขับเคลื่อนการทำงานแบบไฮบริด ในยุคเน็กซ์นอร์มอล
ในยุคของ Hybrid Working ความพร้อมและความสามารถในการทำงานจากที่บ้านได้ อาจกลายเป็นหัวข้อที่ HR ต้องพูดคุยก่อนจ้างพนักงานคนใหม่
การพูดคุยกับคุณซามีร์ในครั้งนี้ ได้เริ่มต้นขึ้นถึงภาพของการทำงานแบบ Hybrid Working ในอนาคตที่ไม่เพียงแต่รูปแบบการทำงานจะเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่บทสนทนาในการจ้างงานและการต่อรองเงินเดือนก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือเมื่อโลกกำลังหมุนไปสู่การทำงานแบบ Hybrid Working ที่พนักงานนั้นถูกคาดหวังให้ต้องทำงานจากที่บ้านได้แล้ว การทำให้พนักงานคนนั้นๆ ทำงานได้จากที่บ้าน ควรเป็นสิ่งที่บริษัทต้องสนับสนุน หรือเป็นสิ่งที่พนักงานแต่ละคนต้องเตรียมมาเอง คุณซามีร์ได้เล่าถึงภาพของปัจจุบันก่อนว่าจากข้อมูลที่มีอยู่นั้น หลายบริษัทก็มีแนวทางที่แตกต่างกันออกไป บางบริษัทอาจจะมีการให้ยืมอุปกรณ์ในการทำงาน บางบริษัทอาจกำหนดงบให้พนักงานไปซื้ออุปกรณ์มาใช้เองตามต้องการ หรือบางบริษัทนั้นก็อาจให้พนักงานจัดการประเด็นนี้ด้วยตัวเอง และเพิ่มส่วนต่างพิเศษให้ในเงินเดือน
สำหรับในอนาคต คุณซามีร์ก็คาดว่าทิศทางของประเด็นนี้จะลู่เข้าไปสู่ทิศทางเดียวกับแนวโน้มของ Bring Your Own Device หรือ BYOD อย่างที่เคยเป็นในยุคที่ Mobile Device เริ่มถูกใช้ในการทำงานเป็นหลัก และความพร้อมในส่วนนี้ก็อาจกลายเป็นประเด็นที่ทุกคนอาจถูกซักถามตั้งแต่ตอนสมัครงาน ว่ามีความพร้อมในการทำงานที่บ้านหรือไม่ มีอุปกรณ์ใดบ้าง ไปจนถึงระบบ Internet ที่ใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าหากมาทำงานด้วยกันแล้วและต้องทำงานจากที่บ้าน จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ติดข้อจำกัดใดๆ
ทั้งนี้ก็อาจไม่ใช่ทุกตำแหน่งที่ต้องการประเด็นนี้ และอาจไม่ใช่ทุกบริษัทที่เปิดให้พนักงานแต่ละคนเตรียมระบบการทำงานจากที่บ้านด้วยตนเอง ขึ้นกับกลยุทธ์และปัจจัยอื่นๆ แตกต่างกันออกไป
Security เป็นประเด็นที่ได้รับความสำคัญเป็นอย่างมากในช่วง COVID-19
เมื่อพูดคุยถึงประเด็นด้าน Security ในช่วง COVID-19 ที่หลายคนอาจกังวลว่าเมื่อบริษัทต้องปรับตัวอย่างฉุกเฉินมาสู่การทำงานแบบ Work from Home แล้ว ประเด็นด้าน Security ที่ย่อหย่อนลงจะส่งผลอะไรหรือไม่ คุณซามีร์ก็ได้นำเสนอข้อมูลว่าอันที่จริงแล้วธุรกิจองค์กรทั่วโลกนั้นล้วนให้ความสำคัญกับประเด็นด้าน Security อยู่แล้วและคำนึงถึงประเด็นนี้เป็นอย่างมากในการปรับตัว ดังนั้นในผลการศึกษาที่ได้ทำมาจึงเห็นว่าหลายธุรกิจมีความพร้อมกว่าที่คิด โดยถึงแม้จะไม่ใช่ทุกบริษัทที่มีการเตรียมตัวในประเด็นนี้แบบครบถ้วน 100% แต่บริษัทจำนวนมากก็มีแนวทางและเทคโนโลยีสำหรับปกป้องข้อมูลสำคัญทางธุรกิจและพนักงานที่บ้านให้ปลอดภัยจากการถูกโจมตี โดยมีเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ระบุว่าไม่ได้มีการปกป้องข้อมูลหรือพนักงานด้วยวิธีการใดๆ เลย
คุณซามีร์ได้ยกตัวอย่างของบริษัทที่มีความเข้มงวดว่า บริษัทเหล่านั้นถึงแม้จะบังคับให้พนักงานใช้อุปกรณ์ที่บริษัทกำหนดให้ซึ่งติดตั้งระบบตรวจสอบและรักษาความมั่นคงปลอดภัยอย่างเข้มงวดแล้ว แต่บริษัทเหล่านั้นก็ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกข้อมูลสำคัญทางธุรกิจใดๆ ลงอุปกรณ์เหล่านั้นในระหว่างทำงานที่บ้าน แต่ให้พนักงานต้อง Remote เข้ามาทำงานผ่านระบบภายใน Data Center หรือ Cloud ที่องค์กรใช้อยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าโอกาสที่ข้อมูลสำคัญทางธุรกิจจะรั่วไหลออกไปนั้นลดลงเหลือน้อยที่สุด
ในมุมของ Poly เองก็มีการนำเสนอโซลูชันด้านการสื่อสารเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรที่ต้องการความมั่นคงปลอดภัยเป็นหลักอยู่มากมาย ดังนั้น Poly ก็สามารถกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับธุรกิจองค์กรที่ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ได้
Contact Center และ Call Center กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางแบบ Hybrid
ในหัวข้อนี้ คุณซามีร์ได้เล่าย้อนไปถึงก่อนช่วง COVID-19 ว่าสำหรับระบบ Contact Center ที่เป็นศูนย์กลางในการสื่อสารระหว่างธุรกิจกับลูกค้าผ่านช่องทางที่หลากหลายนั้น ก็มีการทำงานแบบ Hybrid อยู่แล้ว เพราะในการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ สามารถทำได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านระบบเครือข่ายหรือปัจจัยอื่นๆ มากนัก และการเปิดให้พนักงานทำงานได้จากที่บ้านก็ถือว่ามีข้อดีในแง่ของการที่บริษัทจะได้ลดค่าใช้จ่ายและทำให้พนักงานมีความสุขมากขึ้น
แต่สำหรับ Call Center ที่มุ่งเน้นเรื่องการโทรศัพท์อย่างเดียวนั้น ก่อน COVID-19 จะมา ระบบทั้งหมดจะต้องเป็นแบบรวมศูนย์อยู่ภายในอาคารที่ทำงาน เพื่อให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพของสัญญาณเสียง และทำการบันทึกเสียงหรือเปิดให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้เมื่อ COVID-19 แพร่ระบาดและการทำงานต้องมุ่งไปสู่การเป็น Hybrid Working การปรับระบบ Call Center ให้สามารถทำงานได้จากที่บ้านด้วยนั้นก็ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทาย โดยธุรกิจจะต้องลงทุนทั้งในส่วนของระบบ Call Center, ระบบเครือข่ายที่มีคุณภาพ ไปจนถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ที่อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยในการสื่อสาร เช่น SD-WAN, 5G และอื่นๆ รวมถึงเรื่องของ Security ที่จะละทิ้งไปไม่ได้เลย
5G คือจุดเปลี่ยนสำคัญของการทำงานในอนาคต
เมื่อมี 5G ปรากฎขึ้นมาในบทสนทนา คุณซามีร์ก็ได้ให้ความเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังจากยุค 5G ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ถือเป็น Game Changer ของการทำงานทั่วโลกเลยทีเดียว เพราะ 5G นั้นจะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างของการเชื่อมต่อเครือข่ายและการสื่อสารสำหรับการทำงานไปอย่างสิ้นเชิง และถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ที่จะพัฒนาให้เกิดโมเดลทางธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ 5G ทั่วโลกนี้ได้ถูกชะลอลงจาก COVID-19 และผู้ผลิตเทคโนโลยี 5G นั้นก็ยังคงมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในแต่ละประเทศทั่วโลก ดังนั้นสำหรับแนวโน้มระดับโลกว่า 5G จะมีทิศทางอย่างไรต่อไปนั้นก็ยังคงเป็นที่ต้องจับตามอง
ในมุมของ Poly เองนั้น 5G ถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจด้าน Collaboration ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรม เพราะ 5G นั้นจะช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถฝ่าข้อจำกัดของระบบเครือข่ายในปัจจุบันที่มีอยู่ได้ และทำให้การสื่อสารเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งก็จะหมายความว่าตลาดของธุรกิจกลุ่มนี้ก็จะกว้างขึ้นไปด้วย และ Poly เองที่มีธุรกิจทั้งในส่วนของระบบและอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้งาน ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับภาคธุรกิจเช่นกัน
Enterprise Collaboration กำลังมุ่งสู่ Cloud มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังทิ้ง On-Premises ไม่ได้
คุณซามีร์ระบุว่า Poly ถือว่าเป็นบริษัทที่โชคดีที่มีการเตรียมปรับตัวเองให้ตอบรับต่อแนวโน้มของ Cloud มาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อ COVID-19 แพร่ระบาด เทคโนโลยีของ Poly ที่พร้อมรองรับการทำงานร่วมกับ Cloud ด้าน Collaboration ชั้นนำทั้งหมดจึงสามารถตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี
นอกจากการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ Cloud ชั้นนำด้าน Collaboration ได้หลากหลายแล้ว Poly เองก็มีบริการ Cloud ด้านการสื่อสารประชุมงานของตนเอง และมีระบบ Cloud สำหรับบริหารจัดการอุปกรณ์ด้านการประชุมงานของตนเพื่อให้ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ที่อยู่ในสาขาต่างๆ ทั่วโลกได้จากศูนย์กลาง พร้อมระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้านคุณภาพการสื่อสารอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ทำให้อุปกรณ์ Headset ของ Poly กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม และโซลูชันด้านวิดีโอของ Poly เองซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างห้องประชุมในพื้นที่ต่างๆ ได้ในต้นทุนที่ไม่สูงมากด้วยเช่นกัน
ในมุมของรูปแบบของโซลูชัน คุณซามีร์เห็นว่าตลาดของ Cloud นั้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ตลาด On-Premises นั้นถึงแม้จะหดตัวลงไปบ้างแต่ก็ยังคงมีความต้องการจากภาคธุรกิจองค์กรอยู่ เพื่อใช้ในการสื่อสารที่มีความสำคัญและต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างสูงสุด และในอนาคตเราก็จะเห็นธุรกิจใช้งานโซลูชันด้าน Collaboration แบบ Hybrid มากขึ้น เช่น สำหรับการสื่อสารทำงานทั่วไปพนักงานก็อาจใช้บริการ Cloud ได้ แต่สำหรับฝ่ายการเงินหรือกฎหมาย ก็อาจต้องใช้การสื่อสารด้วยระบบภายใน เป็นต้น
AI และ Machine Learning จะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการสื่อสารประชุมงานแห่งอนาคต
ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องราวของ AI และ Machine Learning ที่จะเข้ามาปรับให้ประสบการณ์การสื่อสารทำงานร่วมกันในภาคธุรกิจองค์กรดีขึ้น โดยทั้งสองเทคโนโลยีนี้ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่หลากหลาย อย่างเช่นภายใน Poly เองก็มีการใช้ Poly Meeting AI ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการประชุม เช่น การนัดหมายประชุมผ่านระบบเสียง ที่ต้องมีเบื้องหลังเป็น AI ในการแปลงเสียง, วิเคราะห์ข้อมูล, จัดตาราง และส่งหมายนัดประชุมให้ หรือในการเข้าร่วมประชุม ก็อาจมีการใช้ Proximity Sensor เพื่อตรวจสอบว่าใครเข้ามาใกล้ และถามว่าคนนั้นจะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ แล้วดำเนินการตามคำตอบของคนๆ นั้น เป็นต้น
AI และ Machine Learning จะทำให้การประชุมเป็นอัตโนมัติมากขึ้น และผู้คนสามารถสื่อสารในการทำงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาเป็นตัวกลางที่ทำหน้าที่ผสานรวมหลายระบบด้าน Productivity เข้าด้วยกัน และทำให้พนักงานแต่ละคนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น และเราจะได้เห็นการใช้ AI ในรูปแบบที่หลากหลายสำหรับการสื่อสารมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต โดยเฉพาะหลังยุค COVID-19 ที่ระบบแบบ Contactless จะกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกธุรกิจ
ก็จบเพียงเท่านี้สำหรับเนื้อหาในครั้งนี้ครับ โดยผู้ที่สนใจโซลูชันด้าน Enterprise Collaboration และชุด Headset สำหรับการทำงานในระดับมืออาชีพ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ Poly ที่ https://www.poly.com/ ได้เลยครับ