Face Recognition และ Video Analytics กับการนำมาใช้งานในธุรกิจองค์กรสำหรับปี 2020 – 2021

0

หนึ่งในรูปแบบของการทำ AI มาใช้ในธุรกิจองค์กรทั่วโลกมากที่สุดรูปแบบหนึ่งในทุกวันนี้ ก็คือการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในระบบ Video Analytics เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆ จากภาพที่บันทึกเอาไว้ในกล้องวงจรปิดให้มากยิ่งขึ้นในหลากหลายแง่มุม ทั้งการนำไปใช้เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการต่างๆ ให้เป็นอัจฉริยะ, การบริหารจัดการอาคารให้มีประสิทธิภาพ, การเสริมความสามารถทางการตลาดด้วยการเข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ไปจนถึงภาพของ Smart City ที่กล้องวงจรปิดในเมืองทั้งหมดนั้นมี AI คอยวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ตลอด

เพื่อให้ธุรกิจองค์กรไทยสามารถก้าวสู่การใช้งาน AI ร่วมกับระบบกล้องวงจรปิดได้เป็นอย่างดี CTC Global (Thailand) จึงได้นำโซลูชัน IVAR Edge AI จาก Gorilla Technology มานำเสนอแก่ธุรกิจองค์กรไทย พร้อมรูปแบบการนำไปใช้งานที่หลากหลาย และความโดดเด่นเชิงเทคโนโลยีที่ทำให้การลงทุนใช้งานระบบ AI นั้นไม่ได้มีราคาสูงอย่างที่คิด และบทความนี้เราก็จะแนะนำถึงประเด็นเหล่านี้ให้ทุกท่านได้รู้จักกันครับ

4 ตัวอย่างการใช้งาน AI ในระบบกล้องวงจรปิด เสริมศักยภาพของธุรกิจองค์กร

สำหรับกรณีตัวอย่างของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ภายในระบบกล้องวงจรปิดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีดังนี้

Credit: Gorilla Technology
1. ปรับตัวรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19

AI สามารถช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ และทำการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นให้ระมัดระวังและทำ Social Distancing ให้ดีขึ้นได้ โดยมีตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย เช่น

  • การตรวจสอบว่าผู้ที่เข้ามาในอาคารหรืออยู่ภายในอาคารนั้นมีการใส่หน้ากากเรียบร้อยหรือไม่
  • การตรวจสอบว่ามีการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ อย่างหนาแน่นเกินไปหรือไม่ เช่น ภายในร้านค้า การต่อแถวนอกร้านค้า การนั่งพักผ่อนในพื้นที่ที่จัดเอาไว้ให้ และอื่นๆ
  • การนับจำนวนผู้คนในพื้นที่ต่างๆ ว่ามีจำนวนมากเกินความเหมาะสมหรือไม่

การประยุกต์ใช้ AI ในลักษณะนี้สามารถนำไปใช้งานได้ในธุรกิจหลากหลายรูปแบบ ทั้งการใช้งานภายในพื้นที่ทำงานหรือสถานที่ราชการเพื่อรักษาระยะห่างของพนักงานและเจ้าหน้าที่ การใช้ในห้องประชุมหรือสถานศึกษาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแออัดจนเกินไป ใช้ในห้างสรรพสินค้าหรือบริการคมนาคมขนส่งเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด และการใช้ในโรงพยาบาลเพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่ทางด้านสาธารณสุขและผู้ป่วย

2. เสริมศักยภาพธุรกิจค้าปลีก รู้จักและเข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น

ในการใช้ AI สำหรับธุรกิจค้าปลีกนั้นสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายแนวทางโดยไม่ให้เกิดการรุกล้ำความเป็นส่วนตัว ในขณะที่ทางห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ เองก็จะได้มีความเข้าใจในลูกค้าและปรับตัวเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการได้ดียิ่งขึ้น ดังนี้

  • การวิเคราะห์ลูกค้าภายในห้างว่ามีข้อมูลพื้นฐานเป็นอย่างไร เช่น ในแต่ละพื้นที่มีลูกค้าอยู่หนาแน่นมากน้อยเพียงใด, การนับจำนวนคนที่เดินเข้าในแต่ละพื้นที่, การจำแนกเพศและอายุของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ โดยที่ไม่ต้องมีการเก็บใบหน้าหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่มากเกินไปกว่านี้ เพื่อให้ห้างมีข้อมูล Demographics ของลูกค้าที่แม่นยำมากยิ่งขึ้นสำหรับแต่ละพื้นที่ที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
  • แสดงผลพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น สร้าง Heat Map การเข้าใช้ส่วนต่างๆ ของห้างในแต่ละช่วงเวลาหรือในแบบ Real-time และทำความเข้าใจว่าลูกค้าอยู่ในแต่ละพื้นที่เป็นเวลาเฉลี่ยมากน้อยเพียงใด เพื่อให้ห้างสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ หรือตรวจพบสถานการณ์ผิดปกติเพื่อรับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น และปรับปรุงการใช้สอยพื้นที่ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า
  • ผสานข้อมูลของพฤติกรรมลูกค้าเพื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลจากระบบ POS ทำให้เห็นข้อมูลอัตราส่วนการจับจ่ายใช้สอยในแต่ละพื้นที่ที่เกิดขึ้นเทียบกับปริมาณ Traffic ของผู้คนที่เดินผ่าน และหาความสัมพันธ์อื่นๆ ได้อีกมากมาย
  • ตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัยและการขโมยสินค้าที่อาจเกิดขึ้นในจุดต่างๆ ของห้างได้
  • ตรวจสอบความปลอดภัยในบริเวณลานจอดรถ และวิเคราะห์ Demographics ของลูกค้าจากรุ่นและยี่ห้อของรถที่ลูกค้าใช้โดยไม่ต้องมีการบันทึกเลขป้ายทะเบียน

แนวทางเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้าจะทำได้เท่านั้น และแนวโน้มของการประยุกต์ใช้งาน Video Analytics ในห้างสรรพสินค้าเองก็มีสูงขึ้นเรื่อยๆ และมีกรณีการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้จึงควรจับตามองการเกิดขึ้นของนวัตกรรมหรือแนวทางใหม่ๆ อยู่ตลอด

3. ยกระดับ Smart Building เสริมความปลอดภัยและบริหารจัดการผู้เข้าใช้อาคาร

สำหรับธุรกิจองค์กร หน่วยงานภาครัฐ และอาคารสำนักงานนั้น ก็สามารถประยุกต์ใช้ AI ในระบบ Video Anlaytics ได้หลายรูปแบบ เช่น

  • ใช้ทดแทนระบบตอกบัตรหรือเซ็นชื่อและเวลาเข้างานหรือเลิกงาน ด้วยการทำ Face Recognition ให้กับพนักงานแต่ละคนพร้อมบันทึกเวลาเข้างาน เพิ่มความโปร่งใสให้สูงยิ่งขึ้น และลดการสัมผัสวัตถุต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19
  • ใช้แทนระบบลงทะเบียนเข้าอาคารสำหรับแขกภายนอกหรือผู้มาใช้งานชั่วคราว ทำให้มีข้อมูลที่ครบถ้วนชัดเจนยิ่งขึ้น ลดการสัมผัสระหว่างผู้มาเยี่ยมชมและเจ้าหน้าที่ของอาคาร โดยอาจต่อยอดระบบให้เป็นแบบ Automation มากขึ้นเพื่อให้แขกผู้มาเยี่ยมชมนี้สามารถทำการลงทะเบียนได้แบบอัตโนมัติและได้รับสิทธิ์เข้าพื้นที่ส่วนต่างๆ ของอาคารตามความเหมาะสมได้
  • ปรับปรุงระบบ Access Control ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้นและใช้ใบหน้าเป็นหลักในการเข้าพื้นที่ต่างๆ ของอาคาร โดยระบบจะทำการตรวจสอบใบหน้าของทุกคนก่อนเข้าออกพื้นที่ต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ผู้ที่ทำงานอยู่ภายในพื้นที่และอาคารนั้นมั่นใจได้ในความปลอดภัย
  • ผสานเงื่อนไขเรื่องการสวมใส่หน้ากากและอุณหภูมิของผู้เข้าใช้อาคารในการทำ Access Control ได้
  • สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ง่ายเมื่อมีผู้เข้าใช้อาคารรายใดที่ติดเชื้อ และต้องการทราบว่ามีใครที่มีความเสี่ยงจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อบ้าง
4. เติมเต็มภาพ Smart City รักษาความปลอดภัยได้อย่างมั่นใจ

ในโครงการ Smart City ส่วนใหญ่นั้นมักจะมีการลงทุนในระบบกล้องวงจรปิดขนาดใหญ่ควบคู่ไปด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นการนำ AI สำหรับการทำ Video Analytics ไปผสานในระบบนั้นจึงเกิดขึ้นในแทบทุกโครงการ Smart City ทั่วโลก เพื่อสร้างคุณค่าในหลากหลายแง่มุม

  • การบริหารจัดการการจราจรและความหนาแน่นบนท้องถนน เพื่อนำข้อมูลที่มีความละเอียดยิ่งขึ้นกว่าเดิมนี้ไปใช้ในการปรับปรุงการออกแบบเส้นทางการจราจรและผังเมือง
  • การตรวจสอบความปลอดภัยในพื้นที่ต่างๆ จากภาพของกล้องวงจรปิดในปริมาณมหาศาลโดยอัตโนมัติ ลดภาระของเจ้าหน้าที่ลงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สูงขึ้น
  • ปรับเปลี่ยนสนามบินให้มีความชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วยการวิเคราะห์ใบหน้าและตรวจสอบยานพาหนะ ผสานเข้ากับระบบ Access Control, Physical Security และอื่นๆ เสริมความปลอดภัยให้ผู้เดินทาง
  • เสริมสถานีรถไฟฟ้าหรือป้ายรถเมล์ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ของยานพาหนะที่ใช้ในระบบโดยสารสาธารณะให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นต่อประชาชน
  • ตรวจสอบการทำผิดกฎจราจรโดยอัตโนมัติในพื้นที่ต่างๆ เช่น บนทางด่วน บริเวณสี่แยก ปากทางเข้าอาคารหรือห้างสรรพสินค้า ปากซอย และอื่นๆ

Gorilla IVAR Edge AI บริหารจัดการภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดอย่างอัจฉริยะด้วย AI

Credit: Gorilla Technology

เมื่อพูดถึงระบบ AI สำหรับการทำ Video Analytics แล้วเราก็มักจะนึกถึงเทคโนโลยีจากผู้ผลิตกล้องวงจรปิดค่ายต่างๆ ที่มักมีการพัฒนาเทคโนโลยีส่วนนี้ขึ้นมาด้วย ซึ่งก็มักจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการรองรับกล้องได้จำกัดรุ่น หรืออาจต้องปรับไปใช้ระบบจากยี่ห้อเดียวกันทั้งหมดเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประเด็นเหล่านี้เองที่ทำให้การเริ่มต้นใช้งานระบบ AI สำหรับ Video Analytics กลายเป็นเรื่องยากสำหรับธุรกิจองค์กรหลายแห่ง

CTC Global (Thailand) ได้เล็งเห็นถึงประเด็นเหล่านี้ และนำโซลูชัน Gorilla Intelligent Video Analytics Recorder หรือ IVAR เข้ามาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ โดย Gorilla IVAR นี้เป็นระบบที่ผสานรวมกันระหว่างระบบ Video Management Solution (VMS) สำหรับการบันทึกจัดเก็บและแสดงผลวิดีโอจากกล้องวงจรปิด และระบบ Intelligent Video Analytics (IVA) สำหรับการวิเคราะห์ภาพเหล่านั้นด้วย AI ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถเลือกใช้ความสามารถทั้งสองส่วนหรือเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งร่วมกับระบบที่มีอยู่เดิมก็ได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายในโครงการลดลงเป็นอย่างมาก

สำหรับการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวิดีโอ Gorilla IVAR มีความสามารถครอบคลุมดังต่อไปนี้

  • Behavior Analytics วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้คนได้หลากหลาย เช่น การนับจำนวนคน, การตรวจจับการเดินผ่านพื้นที่ที่กำหนด, การตรวจจับการบุกรุก, การวิเคราะห์เส้นทางการเดิน, การตรวจจับพฤติกรรมต้องสงสัย
Credit: Gorilla Technology
  • People/Face Recognition วิเคราะห์จดจำใบหน้าของผู้คน เพื่อใช้ในการทำสิ่งต่างๆ ได้แก่ การระบุตัวตนเพื่อใช้ในระบบ Access Control, การจำแนกอายุและเพศเพื่อใช้ระบุ Demographics และอื่นๆ เป็นต้น
Credit: Gorilla Technology
  • Object Recognition การตรวจจับและจำแนกวัตถุต่างๆ
Credit: Gorilla Technology

นอกจากนี้ Gorilla IVAR ยังมาพร้อมกับความสามารถในการทำ Business Intelligence ได้ในตัว ดังนั้นโดยเบื้องต้นแล้วธุรกิจก็สามารถสร้าง Dashboard ที่แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์วิดีโอด้วย AI ได้ทันที และนำมาสร้างคุณค่าต่างๆ ได้มากมาย

Credit: Gorilla Technology

อีกจุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจของ Gorilla IVAR นั้นก็คือการที่ระบบไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะ GPU ในการประมวลผลเท่านั้น แต่สามารถใช้เพียงแค่ CPU ที่มีอยู่ได้ก็เพียงพอ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบโดยรวมนั้นต่ำลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับโซลูชันอื่นๆ อีกทั้ง Gorilla IVAR เองก็ยังสนับสนุนการใช้ Intel OpenVINO Toolkit ทำให้สามารถใช้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลวิดีโอบน Intel CPU ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสามารถทำการเพิ่มขยายระบบเพื่อรองรับการใช้งานที่มากขึ้นได้อย่างคุ้มค่า

Credit: Gorilla Technology

สนใจติดต่อ CTC Global (Thailand) ได้ทันที

ผู้ที่สนใจในเทคโนโลยี Face Recognition หรือ Video Analytics สามารถติดต่อทีมงาน CTC Global (Thailand) ได้ทันทีที่โทร 02-059-0411 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่  https://www.ctc-g.co.th/