Asia Cab เสนอบริการแท็กซี่ระดับ VIP ในราคาที่เข้าถึงได้อย่างมั่นใจ สร้างประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางด้วยเทคโนโลยี

0

การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าและพนักงานนั้นถือเป็นเทรนด์หลักของการทำธุรกิจสมัยใหม่ในปี 2020 เลยทีเดียว และ Asia Cab ผู้ให้กำเนิด CABB บริการแท็กซี่ระดับ VIP เองก็ถือเป็นที่น่าจับตามองไม่น้อยจากการนำเสนอบริการมาตรฐานระดับสูงพร้อมเอกลักษณ์ที่โดดเด่น อีกทั้งยังมีการผสานเทคโนโลยีที่หลากหลายเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเดินทางสำหรับผู้โดยสารและผู้ขับขี่

ในบทความนี้เราจะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับ CABB กันอย่างเจาะลึก พร้อมเล่าถึงหัวใจสำคัญในรถยนต์ของ CABB ทุกคันอย่าง Samsung Galaxy Tab Active 2 ที่ช่วยเป็นศูนย์กลางในการส่งมอบเทคโนโลยีสู่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างครบวงจรในอุปกรณ์เดียว เพื่อให้ผู้ที่กำลังมองหา Tablet สำหรับใช้งานในธุรกิจได้พิจารณาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งกันครับ

รู้จัก CABB บริการแท็กซี่ VIP จาก Asia Cab ที่เน้นการออกแบบประสบการณ์ที่ดีแก่การเดินทาง ตั้งแต่การผลิตรถแท็กซี่และพัฒนาเทคโนโลยีเสริมด้วยตนเอง

Credit: Asia Cab

ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมานี้ หลายๆ คนคงอาจได้เห็นการรีวิว CABB บริการแท็กซี่ VIP จาก Asia Cab จากเหล่าสื่อและบล็อกเกอร์กันหลากหลายที่มาเล่าเป็นเสียงเดียวกันถึงประสบการณ์ความประทับใจในการนั่งรถแท็กซี่ระดับ VIP ที่นอกจากรถจะมีความเก๋ไก๋ด้วยดีไซน์แบบลอนดอนแท็กซี่แล้ว การขับขี่และการให้บริการก็ยังสุภาพ รวมถึงภายในตัวรถยนต์เองก็ยังมีการออกแบบและเสริมเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปเพื่อให้การเดินทางนั้นเป็นไปด้วยประสบการณ์ที่ดี

CABB นั้นเป็นบริการที่เกิดมาเพื่อตอบโจทย์ของการเดินทางอย่างประทับใจด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับสากล ตั้งแต่รถยนต์ที่มีการดูแลรักษาเป็นอย่างดีให้ผู้โดยสารมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย การคัดเลือกและอบรมพนักงานขับขี่เพื่อให้มั่นใจในความสุภาพ โดยมีราคาที่เข้าถึงได้

อย่างไรก็ดี ไฮไลท์เด่นที่สุดของ CABB นั้นก็คือการที่ Asia Cab ได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Geely ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกสัญชาติจีน โดยมีการซื้อลิขสิทธิ์การผลิตรถโมเดลลอนดอนแท็กซี่อันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อนำมาผลิตรถยนต์ด้วยตนเองในไทยให้มีต้นทุนที่เหมาะสม พร้อมเสริมการออกแบบและเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปภายในรถแท็กซี่คันนี้โดยตรง เพื่อให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ Asia Cab ออกแบบเพื่อลูกค้าในเมืองไทยได้ ทำให้มีความแตกต่างจากรถแท็กซี่อื่นๆ อย่างชัดเจน

สำหรับเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานที่รถของ CABB ได้เสริมเข้าไปเพื่อตอบโจทย์ของไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันนั้นมีด้วยกันหลากหลาย ตั้งแต่ห้องโดยสารที่รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 5 คนพร้อมเข็มขัดนิรภัย, การติดตั้งฉากกั้นใสที่กันเสียงได้ระหว่างห้องคนขับและห้องโดยสารเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว พร้อมระบบสื่อสาร Intercom สำหรับสื่อสารกับผู้ขับขี่, การออกแบบรถให้รองรับต่อผู้โดยสารที่มีข้อจำกัดทางการเคลื่อนไหว ผู้ใช้วีลแชร์ ผู้ใช้ไม้ค้ำยัน ไปจนถึงผู้บกพร่องทางการได้ยินและการมองเห็น เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบด้วยแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่ทันสมัย ให้ความสำคัญกับในทุกประเด็น

แน่นอนว่าระหว่างการเดินทางเอง ผู้โดยสารก็สามารถเพลิดเพลินไปกับบริการ Free WiFi และพอร์ต USB สำหรับชาร์จไฟอุปกรณ์ Gadget ที่ใช้งาน รวมถึงยังมีปุ่ม SOS และกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัยบนรถยนต์ และรองรับการจ่ายเงินได้อย่างสะดวกแบบ Cashless ผ่านบัตรเดบิต บัตรเครดิต และ Mobile Banking

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วบางคนอาจยังไม่เห็นภาพ ก็สามารถลองรับชมรีวิวการใช้งานที่น่าสนใจจาก The StandardGrand Prix Online2MadamesTV เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นกันได้เลยครับ

สำหรับผู้ที่รับชมรีวิวแล้วสนใจทดลองใช้งาน CABB สามารถเรียกใช้บริการได้ 3 ช่องทาง ดังนี้

  • เรียกใช้บริการผ่าน CABB Stand ที่เดอะมอลล์ทุกสาขาทั่วกรุงเทพฯ, ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์, สยามพารากอน, ไอคอนสยาม, สยามดิสคัฟเวอรี่⁣, เซ็นทรัลเวิลด์, ซีคอนสแควร์, รพ.สมิติเวช, รพ.กรุงเทพ และ รพ.พญาไทนวมินทร์
  • เรียกรถทันทีหรือจองรถล่วงหน้าผ่านทาง Application CABB บน iOS และ Android ที่สามารถติดตั้งใช้งานได้ฟรี
  • จองรถล่วงหน้าผ่านทาง CABB Call Center ที่เบอร์ 02-026-8888 ตั้งแต่เวลา  5:00 – 24:00 น. (ปิดการจองล่วงหน้า 22.00 น.)

จะเห็นได้ว่า Asia Cab นี้ออกแบบบริการ CABB มาได้อย่างละเอียดรอบคอบ ตั้งแต่ประสบการณ์ในการเดินทางที่ดี การคัดเลือกผู้ขับขี่ที่ดี และการพัฒนาเทคโนโลยีระบบหลังบ้านเพื่อให้บริการลูกค้าได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่ามีการคิดถึง User Experience ในทุกจังหวะของการใช้งานอย่างแท้จริง

Asia Cab ใช้ Samsung Galaxy Tab Active 2 เป็นศูนย์กลางเชื่อมผสานระหว่างผู้โดยสาร ผู้ขับขี่ และระบบเบื้องหลังของ CABB

แน่นอนว่าการให้บริการ CABB นี้ ความท้าทายสำคัญหนึ่งก็คือการนำเทคโนโลยีจำนวนมากมาให้บริการภายในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นบริการ Free WiFi, การรองรับการจ่ายเงินแบบ Cashless ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับบริการของ CABB ผ่าน Mobile Application อยู่ตลอดเวลา

การจะรองรับความสามารถเหล่านี้ให้ได้ทั้งหมดนั้น โดยทั่วไปแล้วหาก CABB จะเลือกติดตั้ง Hardware หลายชิ้นเพื่อให้รองรับความสามารถเหล่านี้ให้ได้อย่างครบถ้วนก็สามารถทำได้ แต่ก็จะแลกมากับการมีอุปกรณ์จำนวนมากบนรถแท็กซี่ทำให้ดูไม่ดีต่อผู้โดยสาร และยังดูแลรักษาบริหารจัดการยากในระยะยาว

CABB ตัดสินใจเลือกใช้ Samsung Galaxy Tab Active 2 ซึ่งเป็น Rugged Tablet รุ่นทำงานจาก Samsung สำหรับตอบโจทย์เหล่านี้ทั้งหมดในอุปกรณ์เดียว โดยตัวอุปกรณ์นั้นถูกใช้เพื่อเชื่อมต่อกับ App ของ CABB อยู่ตลอดเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการเดินทางได้, สามารถแชร์ WiFi Hotspot จากตัวอุปกรณ์เพื่อให้บริการผู้โดยสารได้โดยตรง และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Electronic Data Capture (EDC) หรือเครื่องรูดบัตรเครดิตได้ ทำให้สามารถตอบโจทย์เชิงฟังก์ชันที่ CABB ต้องการได้ทั้งหมด

นอกเหนือจากนั้น Samsung Galaxy Tab Active 2 เองก็ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานโดยเฉพาะ จึงมีความทนทานในการใช้งานที่สูง สามารถทนความร้อนจากเครื่องยนต์และการเดินทางกลางท้องถนนได้เป็นอย่างดี และทนต่อการตกกระแทกได้ดีกว่า Tablet ทั่วไปเป็นอย่างมาก (รับชมรีวิวการใช้งาน Smartphone และ Tablet รุ่นทำงานจาก Samsung ได้ที่นี่)

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Samsung Galaxy Tab Active 2 นี้เหมาะสมกับการใช้งานสำหรับ CABB ก็คือ Samsung Knox ระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่มากับตัวอุปกรณ์ ซึ่งทำให้ทีมงานของ Asia Cab สามารถตรวจสอบการทำงาน, ติดตั้งและอัปเดต Software ใหม่ๆ ไปจนถึงการควบคุมให้ Samsung Galaxy Tab Active 2 นี้ไม่สามารถถูกติดตั้ง App อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการได้ ทำให้มั่นใจได้ว่ารถของ CABB จะเชื่อมต่อกับ App อยู่ตลอดและให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

ประเด็นเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญห้องหนึ่งของ CABB เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อบริการในเชิงเทคโนโลยีทั้งหมดบนรถแท็กซี่ของ CABB นั้นต้องขึ้นอยู่กับ Samsung Galaxy Tab Active 2 แล้ว การบริหารจัดการเพื่อให้ Samsung Galaxy Tab Active 2 สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องมั่นคงอยู่ตลอดเวลานั้นก็จะไม่ทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก และให้บริการลูกค้าได้ด้วยประสบการณ์ที่น่าประทับใจอยู่เสมอ

เปิดตัว Samsung Galaxy Tab Active 3 อุปกรณ์ Rugged Tablet ทำงานรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพและความทนทาน

Credit: Samsung

เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมานี้ ทาง Samsung ก็ได้ทำการเปิดตัว Samsung Galaxy Tab Active 3 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยนอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลให้สูงขึ้นและเพิ่มความมั่นคงทนทานแล้ว ตัวอุปกรณ์เองก็ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์โดดเด่นที่เคยมีใน Samsung Galaxy Tab Active 2 ทั้งหมด และเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ที่น่าสนใจเข้ามาดังนี้

  • รองรับมาตรฐาน MIL-STD-810H สำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง ผ่านการทดสอบการตกกระแทกจากความสูง 1.5 เมตร และกันฝุ่นได้ในระดับ IP68
  • สามารถชาร์จไฟได้ผ่านทาง USB และ POGO เพื่อให้สะดวกต่อการนำไปใช้งานได้หลายรูปแบบ และมีแบตเตอรี่ทนทานถึง 5050 mAh รวมถึงสามารถทำงานแบบตู้ Kiosk โดยต่อไฟตรงแบบไม่มีแบตเตอรี่ได้
  • มี Samsung DeX ในตัว สามารถใช้งานแทน PC ด้วยการเชื่อมต่อกับ Monitor, Keyboard, Mouse ได้ทันที
  • กล้องหลังความละเอียด 13 ล้าน Pixel และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้าน Pixel สำหรับใช้ถ่ายรูปในการทำงาน
  • รองรับการทำ Augmented Reality (AR) ได้ด้วย Google ARCore ตอบโจทย์การประยุกต์การใช้งานในรูปแบบใหม่ๆ เช่นการฝึกอบรมผ่านระบบ AR หรือการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับสาธิตสินค้าผ่านระบบ AR ได้
  • มีปุ่มพิเศษที่เรียกว่า Active Key ซึ่งสามารถตั้งค่าการทำงานเองได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้สะดวกขึ้น
  • สามารถ Scan Barcode ผ่านกล้องได้, เชื่อมต่อ EDC ได้ และรองรับ NFC (EMV ระดับ 1) สำหรับระบบชำระเงินได้
  • มีความสามารถ Touch Sensitivity สามารถทำการสัมผัสหน้าจอได้แม้ใส่ถุงมือ เหมาะสำหรับงานหลายรูปแบบ
  • มีปากกา S Pen รุ่นความทนทานสูง และกันฝุ่นได้ที่มาตรฐาน IP68

เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถใช้งาน Samsung Galaxy Tab Active 3 นี้ได้อย่างยาวนานและคุ้มค่า ทาง Samsung จึงรับประกันว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะรองรับการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ Android ได้ถึง 3 รุ่น และสามารถทำงานร่วมกับ Samsung Knox เพื่อเสริมความมั่นคงปลอดภัย และบริหารจัดการอุปกรณ์จากศูนย์กลางได้อย่างง่ายดาย


Galaxy Tab Active3 ใหม่ จำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 21,900 บาท โดยสำหรับผู้ที่สนใจ Smartphone หรือ Tablet สำหรับการใช้งานเพื่อธุรกิจ หรือระบบบริหารจัดการอุปกรณ์เหล่านี้ให้มีความมั่นคงปลอดภัยและกำหนดค่าการใช้งานต่างๆ ได้จากศูนย์กลาง สามารถติดต่อทีมงาน Samsung Business ได้ที่โทร 02-118-1000 อีเมล์ [email protected] หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Samsung Business ได้ที่ https://www.samsung.com/th/business/