ธุรกิจพีซีของ Intel สูงขึ้น 33% เพราะโน้ตบุ๊คราคาถูก

0
https://o.aolcdn.com/images/dims?thumbnail=640%2C&quality=95&image_uri=https%3A%2F%2Fs.yimg.com%2Fos%2Fcreatr-uploaded-images%2F2021-01%2Fa85cc840-5c3f-11eb-bfeb-10234ab4073e&client=amp-blogside-v2&signature=9eee94846034b676af9f5e4dfe37610a003f3b6e
PARK CITY, UT - JANUARY 18: Intel signage is seen during the Sundance Film Festival on January 18, 2018 in Park City, Utah. (Photo by David Becker/Getty Images)

พวกเรารู้กันอยู่แล้วว่าปี 2563 นั้นเป็นปีที่มีการสั่งซื้อเครื่องพีซีกันอย่างมหาศาล และล่าสุด Intel ก็ได้ยืนยันรายงานนั้นด้วยผลประกอบการในไตรมาสสี่ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดย Intel กล่าวว่าธุรกิจเครื่องพีซีได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 33% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ด้วยรายได้ที่เฉพาะจากโน้ตบุ๊คก็เติบโตมากกว่า 30% แล้ว

โดย Client Computing Group ของ Intel ที่ดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องพีซีได้มีรายได้สูงถึง 10,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งสูงขึ้น 9% จากปีก่อนหน้านี้ โดยสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดคือราคาเฉลี่ยของโน้ตบุ๊คนั้นตกลงไปถึง 15% เลยทีเดียว นั่นแปลว่าคนทั่วไปต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่หลังจากที่เจอกับสภาวะการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ไม่ได้ต้องการที่จะจ่ายในราคาพรีเมี่ยมที่แพงเป็นพิเศษ

ยอดขายเครื่องพีซีที่แข็งแกร่งของ Intel นั้นยังมาพร้อมกับการเติบโต 39% ในแผนกเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง Mobileye ซึ่งช่วยให้บริษัทมีรายได้เกินคาดไปถึง 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ นอกจากนี้ บริษัทได้รายงานว่ามีรายได้ในไตรมาสสี่อยู่ที่ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยกำไร 5,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้ว่าตัวเลขรายได้จะตกลงมาจากปีก่อนหน้าไป 1% และกำไรตกลงไป 15% แต่บริษัทก็ยังคงเฉลิมฉลองกันได้อยู่

Source : https://www.engadget.com/intel-q4-earnings-pc-revenues-notebooks-232707825.html