Facebook ตัดสินใจปิดการแชร์ลิงก์ข่าวจากทั้งสื่อและผู้ใช้ในออสเตรเลีย หลังจากสภาล่างของออสเตรเลียอนุมัติร่างกฎหมายซึ่งจะบังคับให้ Facebook จ่ายค่าตอบแทนให้กับเจ้าของคอนเทนท์ที่ถูกนำมาแสดงบนแพลตฟอร์ม
ร่างกฎหมายของออสเตรเลียที่จะกำหนดให้เจ้าของแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Google และ Facebook ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับผู้ผลิตคอนเทนท์ที่ถูกนำมาแสดงบนแพลตฟอร์มนั้นผ่านการพิจารณาโดยสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น และ New York Times คาดว่ามีเสียงในวุฒิสภามากพอที่จะผ่านร่างนี้ขึ้นมาเป็นกฎหมายได้
Facebook กล่าวว่าร่างกฎหมายนี้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างแพลตฟอร์มและผู้ผลิตคอนเทนท์ที่ใช้แพลตฟอร์มในการแชร์คอนเทนท์ผิด ซึ่งทำให้ Facebook เหลือเพียงทางเลือกที่แตกต่างกัน 2 ทาง คือพยายามที่จะปฏิบัติตามข้อกฎหมายนี้ซึ่งจะเพิกเฉยต่อความเป็นจริงของความสัมพันธ์[ระหว่างแพลตฟอร์มกับผู้ผลิต] หรือหยุดให้บริการคอนเทนท์ข่าวในออสเตรเลีย
“และด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง เราเลือกทางหลัง”
สืบเนื่องจากการตัดสินใจดังกล่าว Facebook ได้กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงบนแพลตฟอร์มที่จะเกิดขึ้นกับผู้เกี่ยวข้อง ดังนี้
- สำนักข่าวและผู้ผลิตคอนเทนท์ในออสเตรเลีย: จะไม่สามารถแชร์หรือโพสต์คอนเทนท์ในหน้าเพจได้ โดยฟีเจอร์อื่นๆของหน้าเพจจะใช้งานได้ปกติ
- สำนักข่าวและผู้ผลิตคอนเทนท์จากประเทศอื่นๆ: สามารถโพสต์คอนเทนท์ข่าวในเฟซบุ๊กได้ แต่ผู้ใช้ในออสเตรเลียจะไม่สามารถดูหรือแชร์ลิงก์และโพสต์ได้
- ผู้ใช้ในออสเตรเลีย: จะไม่สามารถเห็นหรือแชร์ข่าวไม่ว่าจะจากสำนักข่าวในประเทศใดก็ตามจากหน้าเพจได้
- ผู้ใช้ในประเทศอื่นๆ: จะไม่สามารถดูหรือแชร์ข่าวจากผู้ผลิตคอนเทนท์ในออสเตรเลียจากหน้าเพจได้
ในการนี้ Facebook ได้อธิบายถึงความแตกต่างระหว่างแลพตฟอร์มของตัวเองและ Google ซึ่งการแสดงคอนเทนท์บนแพลตฟอร์มนั้นมีธรรมชาติต่างกัน กล่าวคือ Google นั้นนำข้อมูลจากเว็บไซต์ไปแสดงโดยผู้ผลิตคอนเทนท์ไม่ได้ร้องขอ แต่การโพสต์บนเฟซบุ๊กนั้นเป็นการโพสต์อย่างเต็มใจ
ด้าน Google ผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้อีกราย ได้เริ่มเจรจาข้อตกลงกับสำนักข่าว เช่น News Corp. ของ Rupert Murdoch เจ้าพ่อสื่อรายใหญ่แล้ว
Facebook กล่าวว่าก่อนหน้านี้พวกเขากำลังเตรียมตัวที่จะเปิดตัวแอป Facebook News ในออสเตรเลียและเพิ่มการลงทุนในสื่อท้องถิ่น ทว่าการมาของร่างกฎหมายนี้ซึ่งยกอำนาจให้รัฐบาลตัดสินใจว่าใครจะทำสัญญากับใคร และจะได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่จากบริการต่างๆ ทำให้ Facebook วางแผนที่จะเปลี่ยนไปเน้นการลงทุนในประเทศอื่นๆแทน