บริษัทจีเอเบิลได้เปิดตัว Blendata แพลตฟอร์มบริหารจัดการ Big Data อัจฉริยะ เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น ช่วยธุรกิจทำงานรวดเร็วขึ้น 3 เท่า พร้อมลดต้นทุน ตอบสนองเทรนด์ใหม่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล ตั้งเป้าเติบโต 100% ในปี 2021 เตรียมบุกตลาด APEC ในอีก 5 ปีต่อจากนี้
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล เผยว่า ในยุคที่ธุรกิจถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลพร้อมมุ่งหน้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ Big Data จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังมีสถานการณ์ COVID-19 ที่เป็นตัวเร่งให้องค์กรต้องปรับเปลี่ยน นำข้อมูลเหล่านี้มาใช้วิเคราะห์และประกอบการตัดสินใจมากขึ้น แต่การเข้าถึงข้อมูลนั้นยังเป็นอุปสรรคที่ต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและเครื่องมือมากมายในการบริหารจัดการ

กลุ่มบริษัทจีเอเบิลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ Big Data ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน จึงได้พัฒนาโซลูชันแพลตฟอร์ม Blendata ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบครบวงจร เข้ามาเปลี่ยนวิธีการจัดการข้อมูลและใช้ประโยชน์จาก Big Data ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน โดยที่บุคลากรทุกคนในองค์กรต่างพื้นความรู้สามารถเข้าใช้งานได้
นายณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบลนเดต้า จำกัด เสริมว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญ 3 อุปสรรคหลักในขับเคลื่อนองค์กรด้วย Big Data ให้ประสบผลสำเร็จ ได้แก่
- การรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลจากหลายแหล่งอย่างมีประสิทธิภาพ
- ความซับซ้อนของการจัดการโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล
- ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ
Blendata จึงมีแนวคิดเริ่มต้นในการพัฒนาแพลตฟอร์มที่สามารถแก้ปัญหาในการทำงานดังกล่าว พร้อมทั้งช่วยองค์กรในการมองหา “โอกาส” ที่ซ่อนอยู่ใน “ข้อมูล” เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากที่สุด ตอบโจทย์ Pain points 3 ประการข้างต้นได้ทั้งหมด ซึ่งแพลตฟอร์ม Blendata มีจุดเด่น ดังต่อไปนี้
- ลดเวลาและความซับซ้อน ในการรวบรวมข้อมูลในองค์กร บริหารจัดการ ประมวลผลข้อมูล และนำข้อมูลไปใช้ เช่น การสร้างแดชบอร์ดแสดงผลภาพรวมได้ง่ายแบบไม่ต้องเขียนโค้ด
- เชื่อมต่อข้อมูลมหาศาลในองค์กรและนำมาใช้งานได้จากหลากหลายแหล่ง ทั้งจาก Databases, Flat files, Log และ Cloud Storages
- ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม้เป็นข้อมูลจำนวนมหาศาล ด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลในหน่วยความจำแบบคู่ขนาน อีกทั้งยังสามารถทำงานได้ในรูปแบบ No และ Low-code ผ่านการลากวาง ช่วยให้สมาชิกภายในองค์กรเข้าถึงการวิเคราะห์ข้อมูลได้มากขึ้น
- แพลตฟอร์มแบบเปิด เก็บข้อมูลในรูปแบบ Open formats พร้อม API ที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นได้ ไม่เฉพาะกับ Blendata
- ทำงานอิสระในทุก Environment เช่น Bare Metal, Virtual Machine, Hyper-converged หรือแม้กระทั่งทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีอยู่แล้ว เช่น Hadoop Ecosystem
- ลดการลงทุนทางด้านบุคลากร ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และการบำรุงรักษา ด้วยการรวบรวมทุกฟังก์ชันในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่มาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวที่ใช้งานง่าย แม้ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญก็สามารถใช้ได้

โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่เริ่มให้บริการแล้วคือ แพลตฟอร์ม “Blendata Enterprise” จับกลุ่มเป้าหมายองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ สามารถช่วยให้จัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น 270% หรือ 3 เท่าตัว และช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 160% หรือ 2 ใน 3
แพลตฟอร์ม Blendata Enterprise ในปัจจุบันมีลูกค้าจากบริษัทชั้นนำจำนวนกว่า 15 ราย จาก 11 อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมโทรคมนาคม อุตสาหกรรมการเงินและธนาคาร และอุตสาหกรรมบริการ โดยได้มีการนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้องค์กร เช่น การนำ Blendata Enterprise ไปใช้เพื่อช่วยจัดเก็บข้อมูลให้เป็นระบบ สามารถค้นหา เรียกใช้งาน และสร้างการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ลด Total Cost of Ownership ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูล ซึ่งเหมาะกับองค์กรที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากอย่างรวดเร็ว หรือองค์กรที่ต้องการทำ Data Lake เพื่อเก็บข้อมูลย้อนหลังเป็นเวลานาน
นอกจาก Blendata Enterprise แล้ว Blendata ยังพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในการจัดการ Big Data อื่นๆ ในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ Big Data เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุม และสนองตอบความต้องการไปยังธุรกิจขนาดกลางภายในปีนี้ อีกทั้งยังตั้งเป้าเติบโต 100% ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 ปี และมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศกลุ่ม APEC ภายใน 5 ปี ด้วย