[รีวิว] Huawei Matebook 14 ปี 2021 โน้ตบุ๊กดีไซน์สวย แรงด้วยชิป Intel Core i5 Gen 11th หน้าจอ 3:2 สัมผัสได้ ความละเอียดระดับ 2K

0

โน้ตบุ๊ก Huawei Matebook 14 ปี 2021 วัสดุสวยหรู CPU ตัวใหม่ Intel Core i5 Gen 11th พร้อมกับหน้าจอสัมผัสอัตราส่วน 3:2 ด้วยความละเอียดระดับ 2K

TL;DR

  • วัสดุโลหะอลูมิเนียมแข็งแรงทนทาน ผิวสัมผัสให้ความรู้สึกพรีเมียม น้ำหนักแค่ 1.49 กก. บางแค่ 1.59 ซม. พ่วงปุ่ม Power สแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องได้อย่างรวดเร็ว
  • หน้าจอสัมผัสขนาด 3:2 ความละเอียดระดับ 2K สีสันจัดเต็ม ดูเนื้อหาต่าง ๆ ได้เต็มสบายตาด้วยหน้าจอเกือบสุดขอบเครื่องกว้างถึง 90% มาพร้อมกับกล้องแบบปุ่มซ่อน (Recessed Camera) เสริมเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากขึ้น
  • ศักยภาพล้นหลาม ด้วยชิป Intel Core i5 Gen 11th หน่วยความจำ 16 GB พร้อมกับฮาร์ดดิสก์แบบ SSD จุได้ 512 GB มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Intel Iris Xe ทำให้สามารถทำงานในด้านเอกสาร ข้อมูล ตัดต่อแบบเบื้องต้นได้อย่างลื่นไหล
  • แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้ยาวนานราว 8-11 ชม. แถมอะแดปเตอร์ขนาดเล็กแบบ USB-C พกพาสะดวก เอาไปชาร์จโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย
  • ถ้าใช้โทรศัพท์มือถือ Huawei รุ่นใหม่ ๆ อยู่ด้วย สามารถใช้ Huawei Share 3.0 แชร์หน้าจอขึ้นมาที่โน้ตบุ๊กได้เลยพร้อมกันถึง 3 หน้าจอ ใช้นำเสนองานได้อย่างไร้รอยต่อเลยทีเดียว

Fact Sheet

Credit: Huawei

สำหรับชื่อ Huawei Matebook 14 นั้นอาจจะเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้วในรุ่นที่ใช้หน่วยประมวลผลจากค่าย AMD เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในปี 2021 นี้ ทาง Huawei ก็ได้ออกโน้ตบุ๊กตัวใหม่แต่ใช้ชื่อเดิมนี้ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยหน่วยประมวลผล Intel i5 Gen 11th  และ Intel Iris Xe Graphics ซึ่งถือว่าจัดเต็มมาให้ในเครื่องที่มีความเบาบางขนาดนี้ ทีมงาน ADPT จึงขอหยิบมาทดลองรีวิวใช้งานกันดูในครั้งนี้

Credit : Huawei

สำหรับตัวเครื่อง Huawei Matebook 14 ปี 2021 มาด้วยวัสดุโลหะอลูมิเนียมสี Space Grey ที่ทำให้เครื่องดูหรูหราน่าใช้งาน แถมยังมาพร้อมกับสเปคเครื่องแรงมาก ดังรายละเอียดตามข้างล่างนี้เลย

ขนาด (กว้าง, ยาว, หนา)223.8 มม. x 307.5 มม. x 15.9 มม.
น้ำหนัก1.49 กก.
หน้าจอ14 นิ้ว IPS ความละเอียด 2K อัตราส่วน 3:2 หน้าจอสัมผัส กว้างถึง 90% 
หน่วยประมวลผล (CPU)Intel Core i5-1135G7 Gen 11th   
หน่วยประมวลผลด้านกราฟฟิก (GPU)Intel Iris Xe Graphics
ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)SSD NVMe PCIe 512 GB
หน่วยความจำ (RAM)16 GB DDR4 3200 MHz
กล้องกล้อง Recessed Camera แบบปุ่ม ความละเอียด 720P HD
เสียงดิจิทัลไมโครโฟน จำนวน 4 ตัวลำโพง จำนวน 2 ตัว
ปุ่มและพอร์ตต่าง ๆปุ่มเปิดปิดเครื่องที่มี FingerprintUSB 3.2 Gen 1 Type-A จำนวน 2 ช่องUSB Type-C จำนวน 1 ช่องHDMI จำนวน 1 ช่องช่องเสียบหูฟังและไมโครโฟน 3.5 มม. 1 ช่อง
ระบบปฏิบัติการWindows 10 Home 64 bits

จากสเปคเครื่องที่ให้มาถือว่าค่อนข้างจัดเต็มเลยทีเดียว โดยเฉพาะตรง CPU และ GPU ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Intel แถมใส่ RAM มาให้ถึง 16 GB ซึ่งค่อนข้างเพียงพอในการใช้ทำงานได้หลากหลาย อย่างเช่น ใช้ในการประชุมงานออนไลน์ ทำงานเอกสารต่าง ๆ ออกแบบแต่งภาพทั่วไป แถมยังเอาไว้ใช้ดูหนังฟังเพลงได้อย่างเพลิดเพลินแบบจัดเต็มได้อีก น้ำหนักก็เบา สามารถพกไปตอนลาพักร้อนได้สะดวกเลยทีเดียว และถ้ามีประชุมหรืองานด่วนก็หยิบขึ้นมาใช้งานได้เลย ครบจบในเครื่องเดียวจริง ๆ

แกะกล่องลองใช้

เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกก่อน ด้วยสี Space Grey และวัสดุโลหะอลูมิเนียมทั้งตัวเครื่อง จึงทำให้ตัวเครื่องเงางามดูหรูหรา สวยงาม น่าหยิบไปใช้งานจริง ๆ

สำหรับอุปกรณ์ในกล่องที่จะได้รับจะมีตัวเครื่องและสายชาร์จขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการพกอุปกรณ์น้อย ๆ เล็ก ๆ ไม่หนักมาก ไปประชุมหรือนั่งทำงานนอกบ้านก็ไปได้สบายตัว 

ด้านหลังของตัวเครื่อง จะเห็นพัดลม Shark Fin 2 ตัวที่ดูโดดเด่น พร้อมกับแผ่นกันลื่นค่อนข้างยาวซึ่งด้านหลังจะสูงขึ้นมาหน่อย ทำให้พิมพ์บนคีย์บอร์ดได้สบายมือขึ้นอีก ส่วนหน้าเครื่องมีไมค์อยู่ 4 รู และมีลำโพง 2 ตัวในด้านซ้ายขวา 

และการเปิดหน้าจอขึ้นมา ถือว่าทำได้ง่ายมาก ๆ เพราะส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมีส่วนที่เว้าเข้าไปเล็กน้อยไว้สำหรับเปิดหน้าจอขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

ด้านซ้ายของเครื่องจะเป็นพอร์ต USB-C ที่ใช้สำหรับต่อสายชาร์จไฟ ช่องเสียบหูฟัง AUX ช่องต่อ HDMI และไฟสถานะการชาร์จไฟ ซึ่งช่อง USB-C ยังสามารถใช้ต่ออุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้พอร์ต USB-C ได้ด้วย 

ส่วนด้านขวาของเครื่องนั้นจะเป็นพอร์ต USB-A 2 ช่อง ดังนั้น สำหรับใครที่ต้องการใช้อุปกรณ์ต่อเสริมอย่างเม้าส์หรือคีย์บอร์ดแยกพร้อม ๆ กับใช้งาน External Hard Disk อาจจะต้องบริหารจัดการพอร์ตสักหน่อย

จะเห็นว่าพอร์ตแลน (RJ45) ไม่ได้มีมาด้วย ถ้าหากว่าต้องใช้จริง ๆ คงต้องหาอุปกรณ์เสริมมาต่ออีกที หรือจะเปลี่ยน wireless router มาเป็น Huawei WiFi AX3 (Quad-Core) ตัวใหม่ที่สามารถปล่อยสัญญาณ WiFi 6 ที่ทะลุได้มากกว่า 1 กำแพงมาใช้ก็ได้ ซึ่งเครื่องนี้ก็รองรับ WiFi 6 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา จะเห็นว่าหน้าจอแสดงผลออกมาได้กว้างมากจริง ๆ และคมชัดมาก ด้วยอัตราส่วน 3:2 จึงทำให้แสดงข้อมูลในแนวตั้งได้มากขึ้นกว่าหน้าจอเครื่องแบบ 16:9 ซึ่งถ้าหากว่าใครต้องใช้งานหาข้อมูลในเว็บหรือว่าต้องดูข้อมูลมาก ๆ จะสะดวกขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจริง ๆ

ส่วนอื่น ๆ ของเครื่อง หลังจากทดลองใช้งานมาสักพักหนึ่งแล้ว มีความเห็นตามด้านล่างนี้

  • คีย์บอร์ด มาตรฐานขนาด 14 นิ้ว พิมพ์งานได้ไหลลื่นไม่ติดขัดค่อนข้างสบาย ความรู้สึกของตัวปุ่มจะมีความนุ่มกว่าปุ่มทั่ว ๆ ไปเล็กน้อย และที่เห็นจุดต่างจากยี่ห้ออื่น ๆ คือตรงปุ่ม Fn กับปุ่มไมโครโฟนนั้นจะมีไฟแสดงสถานะด้วยว่าตอนนี้กำลังเปิดใช้ปุ่ม Fn อยู่หรือว่าปิดไมค์อยู่ ซึ่งเรื่องไมค์นี้เหมาะกับยุคการทำงานในปัจจุบันที่จะต้องมีการประชุมออนไลน์กันอย่างแน่นอน
  • ทัชแพด ขนาดใหญ่มากและดูแข็งแรงมั่นคง พอใช้งานแล้วก็ทำงานได้ไหลลื่นเลยทีเดียว 
  • ปุ่ม Power เปิดปิดเครื่องดูเรียบหรู แถมยังสามารถสแกนนิ้วได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
  • กล้อง เป็นแบบ Recessed Camera แบบปุ่มซ่อน ทำให้เรื่องความเป็นส่วนตัวนั้นไร้กังวลหายห่วง แม้อาจจะเผลอเปิดกล้องไว้หรือว่าโดนแฮกก็ตาม 
  • ลำโพง ประทับใจมาก ขับเสียงออกมาได้ไพเราะจริง ๆ ยังไม่ได้ยินเสียงแตกใด ๆ
  • ไมค์ หลังจากได้ทดลองประชุมออนไลน์และใช้ไมค์เครื่องพูดคุยสนทนาแล้วไม่ได้ติดขัดอะไร ถือว่าไมค์มีคุณภาพดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว
  • ความร้อน ถือว่าจัดการได้ดีทีเดียว ถ้าหากว่าทำงานอยู่ในห้องแอร์นี่แทบไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด 

นอกจากนี้ ถ้าหากว่าใครใช้งานโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของ Huawei ร่วมด้วยก็จะสามารถใช้ Huawei Share เพื่อแชร์หน้าจอจากโทรศัพท์มือถือขึ้นมาที่เครื่อง Huawei Matebook 14 ได้เลย โดยการใช้งานก็ง่ายมาก แค่ปลดล็อคโทรศัพท์แล้ววางตัวโทรศัพท์ไว้ตรงทัชแพดแล้วกดเชื่อมต่อ หน้าจอของเครื่องมือถือก็จะปรากฏขึ้นมาที่ Matebook 14 ทันที ซึ่งผู้ใช้งานสามารถควบคุมหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนผ่าน Matebook 14 ได้เลย ตรงนี้เหมาะมาก ๆ ถ้าหากว่าใครต้องนำเสนอระบบผ่านโทรศัพท์มือถือก็จะสามารถขึ้นหน้าจอนำเสนอได้อย่างไร้รอยต่อจริง ๆ และด้วย Huawei Share 3.0 ที่เหนือกว่าเดิม ทำให้สามารถแสดงหน้าจอได้พร้อมกันถึง 3 หน้าจอหรือ 3 แอปพลิเคชันเลยทีเดียว แถมการคัดลอกไฟล์จากมือถือเข้าเครื่องหรือว่าจากเครื่องเข้ามือถือก็สามารถกดลากวางไปมาได้เลย สะดวกจริง ๆ ไม่ต้องต่อสายก๊อปไฟล์อีกแล้ว วางปุ๊ปก๊อปปั๊ป

หลังจากทดสอบใช้ทำงานจริง ๆ มาสักช่วงหนึ่งแล้ว มีความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้

  • ด้วยความที่หน้าจอเป็นจอกระจกทำให้เครื่องมีความสวยงาม แต่หากเป็นงานที่ต้องเข้าเว็บที่มีพื้นหลังเป็นสีดำ จะเห็นเงาของตัวเอง ทำให้รู้สึกปวดตาหรือมีอาการล้าขึ้นมาเร็วกว่าเดิม
  • คีย์บอร์ดตรงปุ่ม Function อาจจะเกิดความสับสนได้ถ้าหากว่ายังไม่ชินกับวิธีการที่จัดมาให้
  • กล้องซ่อนบนคีย์บอร์ดจะแสดงภาพของผู้ใช้งานแบบมุมเสย ซึ่งอาจเป็นมุมที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบนัก
  • ตัวเครื่องอาจจะร้อนขึ้นมาหน่อยถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ และเมื่อทดลองใช้งานแบตเตอรี่โดยเปิด YouTube ฟังเพลงไปและทำงานไปด้วยบน Power Mode แบบ Best Performance แล้ว ก็สามารถใช้งานได้ราวประมาณ 8 ชม. และต้องระวังในกรณีที่แบตหมด เพราะเครื่องจะดับทันทีและเปิดไม่ขึ้นเลย 

Benchmarking

ทดสอบประสิทธิภาพให้เห็นกันสักเล็กน้อย โดยทีมงาน APDT ใช้เครื่องมือ PCMark 10 ที่สามารถทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องในหลาย ๆ แนวการใช้งาน ทั้งงานประชุม งานด้านเอกสาร หรือว่างานปรับแต่งภาพ หรือว่าใช้เล่นเกม

จากผลการทดสอบ จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า เครื่องนี้เหมาะกับงานประชุมหรือว่างานทำเอกสารมากกว่าการใช้เล่นเกมส์อย่างมาก (จากคะแนน Essentials และ Productivity ได้อยู่ที่ 9,215 กับ 6,075 ตามลำดับ) ส่วนการปรับแต่งภาพหรือวีดีโอนั้นถือว่าทำได้อยู่ (ด้วย 4,494 คะแนนยังสูงกว่าคะแนนที่แนะนำ) ส่วนคะแนนในการทดลองเล่นเกมนั้นได้ค่อนข้างน้อย และถ้าดูจาก CPU Load ตามกราฟ Time Series ด้านล่างแล้ว จะเห็นชัดเลยว่าตอนทดสอบกับเกม (อยู่ช่วงหลัง ๆ) นั้น CPU Load จะพุ่งขึ้นมาเลย ถือว่าเครื่องนี้คงจะไม่ใช่แนวสำหรับเกมเมอร์จริง ๆ 

และเพื่อให้ชัดเจนขึ้น ลองทดสอบด้วย PCMark 10 Applications ที่จะทดสอบในเรื่องการใช้งานสำหรับทำเอกสารต่าง ๆ ใน Microsoft Office ทั้ง Word, Excel และ PowerPoint โดยได้ผลลัพธ์การทดสอบตามด้านล่างนี้

จากคะแนนจะเห็นได้ชัดเจนว่า เครื่องนี้ใช้งานทำงานเอกสารบน MS Office ต่าง ๆ ได้สบาย ๆ CPU Load ก็ขึ้นไม่มากนัก (มีแค่ช่วงทดสอบ Excel ที่ขึ้นมาช่วงหนึ่ง) ซึ่งถ้าใครทำงานสายจัดทำเอกสาร หรือนำเสนองานบ่อย ๆ หรือสายข้อมูล (data) ที่ต้องใช้ Excel ในการดูข้อมูลจำนวนมาก ๆ เครื่อง Huawei Matebook 14 ปี 2021 นี้ น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างแน่นอน

บทส่งท้าย

ทางทีม ADPT มีความเห็นว่า Huawei Matebook 14 เหมาะกับผู้ใช้งานได้หลากหลาย สามารถใช้ทำงานได้ในระดับธุรกิจที่มีความต้องการพกพาเครื่องโน้ตบุ๊กที่มีสมรรถนะสูง ภายนอกหรูหรา ภายในยังเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะที่สนับสนุนการทำงานได้อย่างหลากหลาย ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่อง Huawei Matebook 14 มั่นใจในการใช้ทำงานในชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน 

สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณทาง Huawei ประเทศไทยที่ให้ความอนุเคราะห์เครื่อง Matebook 14 มารีวิวในครั้งนี้เป็นอย่างสูง ว่าแล้วทางทีม ADPT เองอาจจะต้องขอไปหาซื้อมาใช้บ้างสักเครื่องแล้ว สำหรับใครที่สนใจสามารถกดสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ https://consumer.huawei.com หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ https://www.facebook.com/HuaweimobileTH/ หรือไลน์ (LINE) ที่ HuaweiMobileThailand และสำหรับใครที่ต้องการติดต่อในลักษณะแบบ B2B สามารถติดต่อกับคุณกรที่อีเมล [email protected] ได้เลย