
ในที่สุด Microsoft ก็ได้ยืนยันชื่อของเวอร์ชันถัดไปของ Windows อย่างเป็นทางการแล้วนั่นก็คือ Windows 11 ซึ่งจุดเด่นสำหรับ Windows 11 ที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือความเรียบง่ายแต่สวยงามของหน้าจอต่างๆ รวมทั้งยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพต่างๆ เพิ่มเติม และปรับเปลี่ยนอะไรอีกมากมาย
Windows 11 นี้จะมาพร้อมกับเมนู Start ใหม่และมีการปรับเปลี่ยนให้ปุ่ม Start และ Taskbar มาอยู่ตรงกลางของหน้าจอแทน ซึ่ง UI หน้าจอนี้จะค่อนข้างคล้ายกับ Windows 10X ที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นโครงการที่วางแผนออกแบบสำหรับอุปกรณ์ 2 หน้าจอแต่ Microsoft ได้ยกเลิกไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เราก็ได้เห็นหน้าจอ UI ที่น่าจะเป็นของ Windows 10X มาอยู่ใน Windows 11 นี้แทน ซึ่งส่วนต่างๆ ใน Windows 11 จะเป็นแนวโค้งมนแทน และการปรับธีมสีให้เป็น Dark Mode ของเครื่องก็ทำได้สวยงาม


และที่ประทับใจอย่างมากคือสิ่งที่ Microsoft เรียกว่า Snap Layout ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดวาง layout ของแอปที่ต้องการเปิดใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเวอร์ชันใหม่ใน Windows 11 นี้จะยังจำได้ด้วยว่าแอปนั้นถูกจัดวางไว้ที่ใดก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ใช้งานหน้าหลายหน้าจอ


นอกจากนี้ ประสิทธิภาพใน Windows 11 นั้นยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีก ซึ่ง Windows Update นั้นมีขนาดลดลงกว่า 40% แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและยังสามารถทำเป็น background อีกด้วย นั่นหมายความว่า Windows 11 นี้จะไม่รบกวนผู้ใช้งานระหว่างการทำงานได้
ส่วนถัดไป คือ Microsoft ได้นำเอา Microsoft Teams มาวางไว้ใน Windows 11 ให้ใช้งานได้เลยสำหรับผู้ใช้งานระดับ consumer ซึ่ง Teams นั้นจะวางไว้ที่ Taskbar ให้เห็นเด่นๆ ทำให้ผู้ใช้งาน Windows 11 สามารถเชื่อมต่อกับเพื่อนๆ ครอบครัว หรือเพื่อนที่ทำงานได้เพียงแค่ไม่กี่คลิก สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนว่า Skype น่าจะถูกลดบทบาทลงไปเป็นที่เรียบร้อย

Windows Widgets ก็เป็นอีกส่วนที่เด่นขึ้นมาสำหรับ Windows 11 ซึ่ง Widget นั้นจะเป็น feed แบบส่วนบุคคลโดยใช้ระบบ AI ซึ่งสร้างต่อยอดจาก Widgets ที่ได้เห็นใน Windows 10 ก่อนหน้านี้นั่นคือจะมีพวกข่าวสาร สภาพภูมิอากาศ และแผนที่ โดยผู้ใช้สามารถปรับให้เป็นแบบ full screen เพื่อดูได้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ส่วนระบบสัมผัสก็มีการปรับปรุงเพิ่มเติมที่มุ่งเน้นสำหรับผู้ที่ใช้แท็ปเล็ตหรืออุปกรณ์ที่มีหน้าจอสัมผัสต่างๆ ที่ไม่จำเป็นจะต้อง flip ให้กลายเป็นโหมดแท็ปเล็ตอีกต่อไปแล้วใน Windows 11 สามารถใช้นิ้วสัมผัสหน้าจอด้วยประสบการณ์เดียวกันได้เลย และอีกส่วนที่ดูยอดเยี่ยมคือการปรับปรุงระบบพิมพ์ด้วยเสียงและการใส่สีด้วยปากกาที่ Windows 11 จะมีการตอบสนองต่อผู้ใช้กลับไปด้วย สิ่งนี้อาจจะต้องรอมีอุปกรณ์มาให้ใช้งานกันจริงๆ ถึงจะบอกได้ว่าความรู้สึกในการใช้งานเป็นอย่างไร

อีกส่วนที่สำคัญสุดๆ คือ Xbox ซึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่ออกมาครั้งนี้คือ Auto HDR ที่เป็นฟีเจอร์ใน Xbox Series X/S นั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของ Windows 11 นี้ด้วยเลย ซึ่งจะทำให้ภาพที่แสดงออกมาตอนเล่นเกมเป็นภาพ High Dynamic Range (HDR) ที่มีความสวยงามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หากแต่เครื่องที่ใช้จะต้องเป็น DirectX 11 หรือ DirectX 12 และต้องมีหน้าจอที่รองรับการแสดงผล HDR ด้วย นอกจากนี้ จะมีแอป Xbox ใหม่ ที่จะมาใน Windows 11 นี้ ซึ่ง Xbox Game Pass ก็จะมาใส่ไว้ใน Windows 11 ด้วย และยังมี xCloud เข้ามาที่แอปของ Xbox ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมเกมจาก cloud ของ Microsoft ได้ด้วยเลย

ส่วนท้ายสุดที่เป็นจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่สุดบน Windows 11 นั่นคือ Microsoft Store ใหม่ที่จะรองรับแอป Android บน Windows ได้ด้วย ซึ่ง Microsoft Store ได้ถูกออกแบบมาใหม่ที่จะรองรับการ host แอปต่างๆ ที่ไม่ได้แค่เฉพาะแอปที่เคยอยู่บน Store ของ Windows เท่านั้น แต่จะมีแอปต่างๆ ทั้งจาก Adobe Creative Suite หรือ Appstore ของ Amazon และ แอป Android ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น TikTok หรือ Instagram ก็สามารถเข้าถึงได้จาก Microsoft Store นี้ได้เลย
ข่าวใหญ่สุดของ Windows 11 นั้นคือจะสามารถรับแอป Android ได้เลย ซึ่ง Microsoft ได้ร่วมมือกับทาง Amazon และ Intel จึงทำให้สิ่งนี้กลายเป็นจริงได้ และ Windows 11 จะใช้เทคโนโลยี Intel Bridge เพื่อทำให้สิ่งดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจริง โดย Microsoft ได้เดโมให้เห็นแอป TikTok และแอป Android อื่นๆ รันอยู่คู่กับแอป Windows บน Windows 11 ซึ่งบริษัทวางแผนที่จะแชร์ข้อมูลออกมาเพิ่มเติมอีกใน”ไม่กี่เดือนข้างหน้านี้”

ทั้งนี้ ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีกำหนดวันที่จะปล่อย Windows 11 ออกมาชัดเจน แต่ Microsoft สัญญาว่าจะให้ผู้ที่ใช้งาน Windows 10 อยู่ปัจจุบันสามารถอัพเกรดได้ “ฟรี”ในเร็วๆ นี้
Source :