หลังจากที่ได้เปิดตัวร้าน Nike Rise แห่งแรกของโลกไปในเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ไปในเดือนกรกฎาคมปี 2020 ที่ผ่านมา Nike ก็ได้เปิด Rise สาขาที่ 2 แล้ว ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยยังคงคอนเซปต์เดิม คือการเชื่อมต่อโลกความเป็นจริงเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างประสบการณ์ในการช็อปแบบใหม่ รวมถึงการสร้างตัวตนของร้านที่แสดงออกถึงตัวตนของเมืองที่ตั้งอยู่
Nike Rise นั้นเป็นร้านค้าปลีกภายใต้แนวคิดของการผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเพื่อสร้าง Immersive Retail Experience ในร้านค้าออฟไลน์ ซึ่งไอเดียนี้เป็นผลงานของ House of Innovation ฝ่ายนวัตกรรมที่ Nike ตั้งขึ้นเพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจรูปแบบใหม่ๆในยุคดิจิทัลโดยเฉพาะ
ร้าน Nike Rise สาขาใหม่ในโซลนี้ จะถูกตกแต่งด้วยหน้าจอแสดงผลที่จะคอยบอกถึงข้อมูลสินค้า ข่าวสารเกี่ยวกับกีฬา และสถิติต่างๆจากแอป Nike Run Club และ Nike Training Club ของผู้ใช้งานในเมือง ซึ่งจะทำให้การเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่ร้านในแต่ละครั้งนั้นไม่ซ้ำเดิมในแต่ละวัน

หนึ่งในนวัตกรรมใหมล่าสุดที่ถูกเพิ่มเข้ามาในร้าน Nike Rise แห่งที่ 2 นี้ คือ Inside Track โต๊ะซึ่งลูกค้าสามารถนำรองเท้าที่สนใจมาวางเพื่อเปรียบเทียบ โดยโต๊ะดังกล่าวใช้เทคโนโลยี RFID เพื่อระบุรุ่นของรองเท้า แล้วจึงทำการดึงข้อมูลของรองเท้าแต่ละคู่ออกมาเปรียบเทียบ เช่น เทคโนโลยีที่ใช้ในรองเท้า คุณสมบัติพิเศษ และรีวิวจากผู้ซื้อจากช่องทางออนไลน์

โดยก่อนหน้านี้ในร้านที่กว่างโจว Nike ได้เปิดให้บริการ Nike Fit ซึ่งจะสแกนเท้าขอลูกค้าและช่วยในการค้นหารองเท้าซึ่งเหมาะกับรูปเท้าที่สุดในสไตล์ต่างๆ
Nike Rise ในโซลนั้นมี Experience Zone ทั้งสิ้น 3 โซน ได้แก่ The Sport Hub ซึ่งเป็นพื้นที่ให้ลูกค้าค้นพบกิจกรรมออกกำลังกายและกีฬาต่างๆในเมือง The City Replay ซึ่งเน้นที่การขายสินค้าที่มีเฉพาะในโซลเท่านั้น และ The Huddle ซึ่งจะช่วยแนะนำลูกค้า Nike กับ 5 ปัจจัยหลักของการมีสุขภาพแข็งแรงของ Nike ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกเข้ารับคำปรึกษากับผู้เชี่ยชาญ หรือเข้าร่วมเซสชั่นแบบกลุ่มได้
Nike Rise นั้นเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการปรับตัวของร้านค้าปลีกในยุคปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคหันไปซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น โดยเทรนด์ที่เราจะเห็นได้ชัดนั้นมีได้แก่
- การสร้างประสบการณ์การเข้าชมร้านค้าที่แตกต่าง
- การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก และการเพิ่มนวัตกรรมที่เสริมจุดเด่นของการเข้าร้านค้าที่การซื้อออนไลน์ทำไม่ได้ เช่น การสแกนเท้า
- การนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่มากขึ้น เพื่อให้ทัดเทียมกับการซื้อออนไลน์ที่สามารถเปรียบเทียบและหารายละเอียดของสินค้าได้ง่าย
- การเน้นไปที่ Human Touch และความเป็นชุมชน เช่น การจัดกิจกรรม การพบปะ