จากงานวิจัยของทาง Accenture เผยว่าธุรกิจขนาด Small and Medium-sized Business (SMB) เกือบครึ่งได้ให้ข้อมูลว่ามีการใช้งานแพลตฟอร์ม Low-Code/No-Code (LCNC) กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยคลื่น IT democratization ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้ช่วยทำให้หลาย ๆ ธุรกิจ SMB สามารถเร่งการเติบโตของธุรกิจขึ้นมาได้เป็นอย่างมาก รวมทั้งมีการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมจนสามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่าได้ จึงมองได้ว่า LCNC นั้นอาจจะมีอะไรเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับ SMB ซึ่งจากงานวิจัยก็แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ LCNC ที่มีการปรับใช้ใน SMB เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เพื่อช่วยทำให้ทุก ๆ กระบวนการสามารถทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการกับลูกค้า ไปจนถึงเรื่องกระบวนการต่าง ๆ ที่ต้องดำเนินการหลังบ้าน (back-end)
โดยในงานศึกษาชิ้นนี้ พบว่า
- 41% ของ SMB ที่สำรวจมาได้ใช้แพลตฟอร์ม LCNC เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ใหม่
- 37% กำลังใช้พัฒนาแอปพลิเคชันแบบใหม่ ๆ ที่จะปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
- 37% กำลังใช้พัฒนาแอปพลิเคชันทางธุรกิจใหม่
สิ่งนี้มีนัยสำคัญเพราะ SMB มักจะพบเจอกับปัญหาที่อาจจะไม่สามารถดึงดูดพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญทางดิจิทัลเข้ามาร่วมทีมได้มากนัก นักพัฒนาที่มีทักษะสูงก็มักจะถูกดึงเข้าไปในองค์กรที่มีขนาดใหญ่แทน เป็นต้น โดย 1 ใน 5 ของ SMB กล่าวว่าการเลือกใช้แพลตฟอร์ม LCNC นั้นถูกขับเคลื่อนเนื่องด้วยสภาพที่ขาดแคลนความเชี่ยวชาญในด้านดิจิทัลภายในออฟฟิศนั่นเอง
การนำเอาแพลตฟอร์ม LCNC มาใช้งานนั้นทำให้เกิดนวัตกรรมอย่างมีนัยสำคัญสำหรับ SMB ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ความคล่องตัว (agility) ของธุรกิจสูงขึ้น (อ้างอิงโดย 79% ของ SMB) เพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าสู่ตลาด (speed-to-market) และทำให้มีผลผลิต (productivity) สูงขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม LCNC ยังช่วยให้ SMB ก้าวข้ามข้อจำกัดของ Software-as-a-Service (SaaS) และโซลูชันเชิงพาณิชย์แบบ off-the-shelf และการถูกบังคับให้ใช้ผลิตภัณฑ์ต่อ (vendor lock-in) ได้ด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูรายงานฉบับเต็มจาก Accenture ได้ที่นี่