[Guest Post] บทพิสูจน์ “งานฝีมือ” ที่ผสาน “เทคโนโลยีดิจิทัลของอะโดบี” ได้อย่างลงตัว เฉิดฉายบนรันเวย์ Paris Fashion Week 2021 อย่างสมบูรณ์

0

วงการแฟชั่นมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน และเป็นเวทีที่เปิดให้แสดงความคิดสร้างสรรค์ อาจดูเหมือนว่าผู้หญิงมีบทบาทสำคัญต่อวงการแฟชั่น แต่แท้ที่จริงผู้ชายก็มีบทบาทไม่นัอย โดยกว่า 85% ของนักศึกษาที่จบจากโรงเรียนแฟชั่นระดับชั้นนำเป็นผู้หญิง แต่ในบรรดาแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ มีเพียง 14% เท่านั้นที่ดำเนินงานโดยผู้หญิง และไอริส แวน เฮอร์เพน (Iris van Herpen) คือหนึ่งในนั้น

ไอริสเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ ศิลปิน และ inventor ชาวดัตช์ เธอได้ผสานรวมเทคนิคด้านหัตถศิลป์อันประณีตเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล  และด้วยประสบการณ์ด้านบัลเลต์คลาสสิก งานออกแบบของเธอจึงมุ่งเน้นการแสดงความเป็นผู้หญิงในรูปแบบแปลกใหม่ที่รวมถึงท่วงท่าและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ผลงานของเธอสะท้อนบุคลิกลักษณะอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิง และเน้นโชว์รายละเอียดในเรือนร่างสตรี เพื่อร่วมเชิดชูพลังของผู้หญิง ไอริส แวน เฮอร์เพน จึงได้บริหารงานสตูดิโอแฟชั่นในนครอัมสเตอร์ดัม ไอริสได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการออกแบบที่ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์จากวงการต่างๆ ตั้งแต่วงการดนตรี วงการเต้น จนถึงนักกระโดดร่มหญิงดีกรีแชมป์โลก

ในฐานะหนึ่งในดีไซเนอร์หญิงหัวก้าวหน้าที่สุดในโลกแฟชั่น เราได้ขอให้ไอริสสร้างสรรค์ชุดเดรสในสไตล์ของเธอเพื่อสื่อถึงบทบาทของงานครีเอทีฟ และอะโดบีต่อวงการแฟชั่น ผลงานจากความร่วมมือระหว่างไอริส แวน เฮอร์เพน และอะโดบีคือชุดเดรสที่สวยงามโดดเด่น ไม่เหมือนใคร ซึ่งถูกนำไปอวดโฉมในพิธีปิดของรันเวย์ Paris Fashion Week 2021 ในโชว์ Love Brings Love เพื่อร่วมรำลึกการจากไปของดีไซเนอร์ชื่อดัง อัลเบอร์ เอลบาซ (Alber Elbaz)

จอห์น ทราวิส รองประธานฝ่ายแบรนด์มาร์เก็ตติ้งของอะโดบี กล่าวว่า “แฟชั่นเปรียบเสมือนภาษาที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออก เป็นหนึ่งในวิธีการที่เราใช้สำหรับการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน อะโดบีตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ที่มีมุมมองและความคิดที่กว้างไกลอย่างไอริส แวน เฮอร์เพน เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกได้สัมผัสกับงานศิลป์ที่โดดเด่นของเธอ”

เอลบาซ ดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของ Lanvin ในช่วงปี 2544-2558 และเป็นผู้ก่อตั้ง AZ Factory ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มุ่งเน้น “การพัฒนาโซลูชั่นสำหรับสตรียุคใหม่” โดยขยายโอกาสการเข้าถึงในโลกแฟชั่น  อย่างไรก็ตาม โลกได้สูญเสียเอลบาซเมื่อเดือนเมษายน 2564 และเพื่อร่วมรำลึกผลงานและการจากไปของเอลบาซ ไอริสและห้องเสื้อชั้นนำอื่นๆ กว่า 40 แห่งประชุมร่วมกันในสตูดิโอการออกแบบของ AZ Factory ในการเตรียมโชว์ Love Brings Love เพื่อปิดฉาก Paris Fashion Week ในครั้งนี้ ไอริสตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองที่สำคัญในครั้งนี้ – อัลเบอร์ เอลบาซ มีความหมายต่อไอริส และโลกแฟชั่นของเธออย่างมาก เขาเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของเหล่าดีไซเนอร์ และพวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นกับงานนี้ด้วยเช่นกัน

หลอมรวมมุมมองใหม่ๆ

องค์ประกอบสำคัญในผลงานสร้างสรรค์ของไอริส คือ แนวทางแบบ Multi-disciplinary ที่อาศัยความร่วมมือจากครีเอทีฟและผู้นำอุตสาหกรรมจากวงการต่างๆ นอกเหนือจากแวดวงแฟชั่น โดยมีการผสานรวมวิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรม และเทคโนโลยีเข้าไว้ในผลงานของเธอ เธอยอมรับว่าเอลบาซเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของเธอ ทำให้เธอตระหนักถึงความสำคัญในการรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ และการยอมรับความแตกต่าง โดยไอริสกล่าวว่า ฉันรู้สึกว่าต้องใช้มุมมองใหม่ๆ เหล่านี้ในงานแฟชั่น” ไอริสเชื่อว่าแฟชั่นคือการแสดงออกถึงตัวตนของเรา และถ้าหากวงการแฟชั่นต้องการที่จะสะท้อนความเป็นตัวตนของเรา ก็จะต้องยอมรับความเห็นที่หลากหลาย ไอริสอธิบายว่าผลงานของเธอ “แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่” รวมถึง “มุมมองชีวิตที่หลากหลาย และความซับซ้อนของมัน”  เมื่อสิ่งเหล่านี้ได้รวมกับกระบวนการ และผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์แนวคิดเหล่านี้ก็สามารถเป็นจริงได้

ผลงานของไอริส แวน เฮอร์เพน สะท้อนภาพของศิลปินที่ผนวกรวมความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย นับเป็นผลงานที่สร้างขึ้นโดยผู้หญิงและเพื่อผู้หญิงอย่างแท้จริง เธอได้ทำหน้าที่บริหารธุรกิจ ซึ่งหาได้ยากในวงการแฟชั่น  “แน่นอนว่าการจัดการธุรกิจในแวดวงแฟชั่นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น เพราะเราทุกคนทราบดีว่าโลกของเรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”

ไอริสเป็นศิลปินที่ไม่หวาดกลัวต่อความล้มเหลวและไม่ยอมจำนนต่อกรอบของขนบธรรมเนียม “มีความเป็นไปได้มากมายที่เราจะสร้างระบบใหม่ในโลกแฟชั่น และฉันคิดว่านั่นคือโอกาสที่รออยู่สำหรับครีเอเตอร์และแฟชั่นดีไซเนอร์รุ่นใหม่ แค่ไม่พยายามลอกเลียนแบบสิ่งที่เกิดก่อน”

แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

ผลงานของไอริสผสานรวมความงามสง่าแบบคลาสสิกเข้ากับความทันสมัย ถ่ายทอดรูปแบบและความเป็นผู้หญิงได้อย่างหลากหลายและมีชีวิตชีวา เธอบรรยายถึงผลงานของตนเองว่าเปรียบเสมือนการเต้นที่ผสานรวมบัลเลต์แบบคลาสสิกเข้ากับการเต้นร่วมสมัย ไอริสคือศิลปินที่มีประสบการณ์ในหลากหลายมิติ พัฒนาจากแดนเซอร์ไปสู่ดีไซเนอร์ ดังนั้นคุณจึงสัมผัสได้ถึงพลังงานและการเคลื่อนไหวในผลงานทุกชิ้นของเธอ

กระบวนการสร้างสรรค์เป็นแรงขับเคลื่อนแรงบันดาลใจของเธอ โดยไอริสกล่าวว่า “ธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจที่บริสุทธิ์และไม่มีที่สิ้นสุด ทุกสิ่งที่ฉันนึกถึงมีในธรรมชาติ ซึ่งเป็นโลกแห่งความเป็นไปได้  และยิ่งฉันทำงานออกแบบมากเท่าไร ฉันก็ยิ่งค้นพบว่าธรรมชาติมีเรื่องที่ทำให้ฉันตื่นเต้นอยู่เสมอ” เราจะพบเห็นความหลากหลายในธรรมชาติที่มีความเป็นระเบียบและความไม่แน่นอน เราสามารถเห็นการแบ่งขั้วของธรรมชาติในผลงานของไอริส ซึ่งประกอบด้วยลวดลายที่ชัดเจน แข็งแกร่ง แล้วมีการแตกกระจายของพลังและสีสัน

ผสมผสานดิจิทัลเข้ากับความดั้งเดิม

ตั้งแต่ต้นจนจบ ไอริสใช้ Adobe Photoshop และ Adobe Illustrator เพื่อสร้างสรรค์ผลงานของเธอ และนำเสนอในรูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ สไตล์ของเธอประกอบด้วยเทคนิคการจัดวางเลเยอร์ และงานออกแบบของเธอมีลักษณะที่ซับซ้อน ดังนั้นกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานจึงต้องใช้เทคนิคอย่างมาก และมีการหลอมรวมขั้นตอนงานออกแบบเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การใช้เครื่องตัดเลเซอร์ และการประดิษฐ์โดยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Fabrication) โดยไอริสอธิบายว่า “เป็นเรื่องของการผสานงานฝีมือและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันเพื่อรองรับความคิดสร้างสรรค์”

“อะโดบีได้จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ที่ผนวกรวมเทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ ซึ่งตอบโจทย์เราได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด เราสามารถผสมผสานงานฝีมือเข้ากับเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างกลมกลืน และไร้รอยต่อ จึงนับเป็นงานคอลลาบอเรชั่นที่สวยงามและลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติ”

สัญชาตญาณและกระบวนการทำงาน

ไอริส ใช้กระบวนการทำงานที่เป็นไปตามสัญชาตญาณ โดยไม่จำกัดตัวเองแค่ภายในคอนเซ็ปต์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า กล่าวคือ การทำงานของเธอให้ความสำคัญกับกระบวนการเป็นหลัก ไม่ได้มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์อย่างเดียว ซึ่งกระบวนการงานออกแบบและตัดเย็บจะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงในทุกขั้นตอน ทำให้งานดีไซน์ในส่วนต่างๆ มีการพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ ไอริสเปิดเผยว่าเธอไม่สามารถควบคุมงานผ้าทั้งหมดได้ และมีบ่อยครั้งที่แทบไม่รู้เลยว่าท้ายที่สุดแล้วผลงานจะออกมาในรูปแบบใด

สำหรับผลงานของเธอที่ร่วมจัดแสดงในโชว์พิเศษสำหรับเอลบาซ ไอริส ได้รับแรงบันดาลใจจากการทรานส์ฟอร์มที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลวดลายของสายน้ำ และมีการใช้เทคนิคศิลปะของญี่ปุ่นที่เรียกว่า ซูมินากาชิ (Suminagashi) ซึ่งเป็นการหยดสีลงบนน้ำเพื่อให้เกิดลวดลายที่เป็นธรรมชาติ โดยในตอนแรกอาจดูเหมือนเป็นลวดลายแบบสุ่ม แต่ถ้าพิจารณาอย่างใกล้ชิด จะเห็นความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติภายในลวดลายที่ดูวุ่นวายสับสน ไอริสกล่าวว่า “ฉันคิดว่าซูมินากาชินำเสนอรูปแบบที่แยกเป็นสองส่วนได้อย่างสวยงาม และมีสมดุลที่ลงตัวระหว่างความเป็นระเบียบกับความยุ่งเหยิงในธรรมชาติ และฉันได้ถ่ายทอดลายเส้นดังกล่าวไว้ในเสื้อผ้าชุดนี้ พื้นที่เปิดกว้างระหว่างรูปทรง 2 มิติและ 3 มิตินับเป็นความท้าทายมาก และฉันคิดว่าอะโดบีคือเครื่องมือที่ใช่ที่สุดในการถ่ายทอดความคิดเหล่านี้ให้เป็นจริง เราได้ทำสื่อสิ่งพิมพ์และไฟล์ต่างๆ ทั้งหมดโดยใช้โปรแกรม Illustrator และ Photoshop”

รับชมวิดีโอการทำงานของไอริสที่ผสมผสานงานฝีมือและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์งานดีไซน์ที่ไม่ซ้ำแบบใครที่: https://youtu.be/0HnbRWtox4Q