รู้จักกับ Hyperautomation เทรนด์มาแรงปี 2022 – คืออะไร? ทำไมต้อง Hyper? อนาคตอยู่ทางนี้จริงหรือ?

0

Hyperautomation เป็นคำที่ปรากฏตัวครั้งแรกในบทวิเคราะห์ Top Strategic Technology Trend ประจำปี 2020 ที่จัดทำขึ้นโดย Gartner และไม่นานหลังจากนั้นก็กลายเป็นคำที่ได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างในแวดวงเทคโนโลยีถึงศักยภาพและบทบาทในอนาคต อีกทั้งยังมีรายชื่อใน Top Strategic Technology Trends สำหรับปี 2021 และ 2022 อย่างต่อเนื่องด้วย ในบทความนี้ ขอเชิญผู้อ่านทุกท่านมาทำความรู้จักกับ Hyperautomation ที่ล้ำไปกว่า Automation และจะช่วยให้ธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว

พูดถึง Automation กันก่อน

เทคโนโลยี Automation ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ หากจะว่ากันง่ายๆแล้วคือการเปลี่ยนกระบวนการใดๆก็ตามให้ทำงานโดยอัตโนมัติ จากเรื่องเล็กๆอย่างการตั้งเวลาเปิดปิดไฟในบ้าน การคัดลอกข้อความจากเอกสารไปกรอกแบบฟอร์มอัตโนมัติ ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับสิ่งแปลกปลอมและจัดการกับมันตามเงื่อนไขได้ หากมีการทำงานโดยอัตโนมัติ ก็ย่อมเรียกได้ว่า Automation แม้จะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม

Automation เป็นเทคโนโลยีที่เกิดจากการประกอบกันของเทคโนโลยีหลายแขนง เช่น ระบบรับข้อมูล การตั้งเวลาทำงาน การทำซ้ำขั้นตอนตามที่ตั้งไว้ การเขียนโปรแกรมให้ระบบทำงานเมื่อเงื่อนไขในการดำเนินการมีครบ จึงไม่แปลกเลย ที่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เราจะได้เห็นความสามารถของ Automation ที่เติบโตตามไป สามารถทำงานได้ละเอียด ฉลาด และซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

ในงานหลายประเภท การให้หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติมาทำแทนมนุษย์นั้นจะช่วยลดข้อผิดพลาดและลดระยะเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างมาก เพราะระบบไม่มีอาการอ่อนล้า ทำตามคำสั่งอย่างตรงไปตรงมา และสามารถละขั้นตอนบางอย่างที่มนุษย์ใช้ในการทำงานเดียวกันได้ ธุรกิจหลายแห่งในปัจจุบันนำ Automation เข้ามาใช้กับงานที่ต้องทำซ้ำในปริมาณมาก หรืองานที่จะใช้เวลาและพลังงานสูง เช่น การย้ายข้อมูล การดึงข้อมูลจากเอกสารที่เป็นกระดาษมาเป็นดิจิทัล และการดูแลรักษาระบบและแจ้งเตือนตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น

จาก Automation สู่ยุค Hyperautomation

Hyper- เป็นคำอุปสรรค (Prefix) ในภาษาอังกฤษที่แปลได้ว่ามากกว่า หรือล้ำกว่า ซึ่งเมื่อแปลตรงตัวแล้ว Hyperautomation ก็จะแปลว่า Automation ที่ล้ำกว่าเดิมนั่นเอง โดย Gartner ให้คำนิยามของ Hyperautomation ว่าเป็น “แนวทางธุรกิจอย่างเป็นระบบที่องค์กรใช้ในการค้นหา คัดเลือก และทำขั้นตอนทางธุรกิจและ IT ให้ทำงานได้อย่างอัตโนมัติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

Hyperautomation is a business-driven, disciplined approach that organizations use to rapidly identify, vet and automate as many business and IT processes as possible. Hyperautomation involves the orchestrated use of multiple technologies, tools or platforms... ที่มา: Gartner glossary (https://www.gartner.com/en/information-technology/glossary/hyperautomation)

จากคำแปลและนิยามของ Hyperautomation นี้ เราจะเจาะลึกลงไปยังคีย์เวิร์ดที่สำคัญที่โผล่มา 2 คำ คือคำว่า “ล้ำกว่า” และ “แนวทาง” ที่ว่าล้ำกว่านั้นล้ำกว่าอย่างไร และแนวทางหมายถึงอะไรกันแน่ Hyperautomation ไม่ใช่เทคโนโลยีหรอกหรือ?

Hyper- | ˈhʌɪpə | (prefix) – มากกว่า, เหนือกว่า, ล้ำกว่า

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เทคโนโลยี Automation นั้นมีข้อจำกัดใหญ่อยู่ข้อหนึ่ง คือการที่ไม่สามารถทำงานที่ซับซ้อนหรือฉลาดได้ดี เหตุเพราะหลักการของการทำงานของเทคโนโลยี Automation คือการรับข้อมูลและวิธีการในรูปแบบที่ตายตัว นำไปประมวลผล แล้วจึงออกมาเป็นผลลัพธ์ หรือ Action อะไรบางอย่าง หากป้อนข้อมูลตั้งต้นในแบบที่ระบบไม่คุ้นเคย ก็อาจทำให้ระบบ Automation ทำงานผิดเพี้ยน หรือถึงขั้นไม่สามารถทำงานได้เลยทีเดียว

แต่อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ว่าเทคโนโลยี Automation นั้นเติบโตตามการพัฒนาของเทคโนโลยีที่รายล้อมอยู่ ในระยะหลังๆจึงมีการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาเสริมการทำงานของ Automation โดยเฉพาะเทคโนโลยี AI ที่ในปัจจุบันนั้นสามารถทำงานได้อย่างฉลาด หลากหลาย และประมวลผลข้อมูลหรือ Input ในรูปแบบ Unstructured ได้ดีกว่าที่เคยเป็นมาก ทำให้ Automation ไม่ต้องถูกจำกัดอยู่กับการทำงานแบบตายตัวอีกต่อไป

AI และ Machine Learning ช่วยให้ระบบ Automation สามารถรับข้อมูลรูปแบบต่างๆ คิด วิเคราะห์ ประมวลผล และตัดสินใจได้หลากหลายยิ่งขึ้น Automation จึงไม่ใช่แค่ Flow Chart ที่เลือกผลลัพธ์ตามเงื่อนไขไม่กี่ข้อ แต่เป็นระบบที่ทำงานอย่างฉลาด โดยมี AI เป็นสมองอยู่เบื้องหลัง

นอกจากความฉลาดและซับซ้อนที่ล้ำไปอีกขั้นแล้ว องค์ประกอบที่สำคัญที่ทำให้ Hyperautomation เป็นมากกว่า Automation แบบดั้งเดิม คือโครงสร้างที่ส่งเสริมและรองรับ Automation ที่ฉลาดให้สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี เช่น สถาปัตยกรรมระบบแบบ Event-driven ที่ช่วยในการรับข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ระบบที่เชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดขององค์กรเข้าด้วยกัน และระบบ Business Process Management (BPM) ที่สืบลึกไปถึงแก่นว่าภายในองค์กรมีขั้นตอนใดและทำงานอย่างไรบ้าง โครงสร้างเหล่านี้เองก็เช่นกันที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ Hyperautomation สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องใช้อย่างครบถ้วน นำมาวิเคราะห์ และสั่งการเป็น Action ตามที่ควรจะทำออกไปได้

การนำเทคโนโลยีแวดล้อมที่ดีขึ้นทุกวันมาผสมผสานกับระบบ Automation นี่เองที่ทำให้ Hyperautomation ล้ำกว่า Automation แบบเดิมๆ

Hyperautomation คือแนวทาง

ตั้งแต่การปรากฏตัวครั้งแรก Hyperautomation นั้นไม่ได้ถูกพูดถึงในฐานะของเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าเดิม แต่เป็นในฐานะของกลยุทธ์ธุรกิจที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายคือ “การเพิ่มการตัดสินใจด้วย AI ในการทำงาน”

ดังนั้น Hyperautomation จึงหมายถึงกลยุทธ์ แนวทาง และความพยายามในการขับเคลื่อนองค์กรให้มีกระบวนการที่เป็นอัตโนมัติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีต่างๆหลายแขนง ซึ่งการจะทำเช่นนี้ได้นั้นไม่เพียงแต่ต้องการเทคโนโลยีที่เพียงพอต่อการ Automate งาน แต่ต้องมีการนำขั้นตอนการทำงานทั้งหมดในองค์กรมาจัดเรียง วิเคราะห์ และวางแผนว่าส่วนใดที่สามารถทำเป็นระบบอัตโนมัติได้ ส่วนใดควรทำ รวมถึงการมองไปถึงภาพรวมการทำงานทั้งระบบ และการเก็บข้อมูลเพื่อประเมินผลลัพธ์การใช้งาน และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไปด้วย

ดังนั้นนอกจากการทำขั้นตอนให้อัตโนมัติแล้ว Hyperautomation จึงรวมไปถึงขั้นตอนในการจัดกระบวนการทำงาน การค้นหากระบวนการที่ Automate ได้แล้วนำมาทำ การวางแผนในการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบอัตโนมัติ การวัดผล ดูแล และปรับปรุงระบบอัตโนมัติ และรวมไปถึงการตั้ง KPI สำหรับพนักงาน และแนวทางการทำงานในรูปแบบใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับโฉมใหม่ขององค์กรที่มีการใช้งาน Automation อยู่ในทุกมิติด้วย

Automation Anywhere ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Automation ครบวงจร ได้ตีความ Hyperautomation ออกเป็น 4 ส่วน ตามผลิตภัณฑ์ของพวกเขา คือ RPA สำหรับทำงานอัตโนมัติ, Initelligent Document Processing ประมวลผลเอกสารและข้อความ, Process Discoveryค้นหาขั้นตอนการทำงานที่สามารถ Automate ได้, Analytics เพื่อวิเคราะห์การทำงาน วัดผล และปรับปรุงขั้นตอน Automation (Photo: Automation Anywhere)

ภาพปลายทางของ Hyperautomation จึงเป็นแบบแปลนขนาดใหญ่ ที่แสดงถึงขั้นตอนการทำงานทั้งที่เป็นระบบอัตโนมัติและไม่เป็น สถานะการทำงาน ผลลัพธ์และคุณค่าที่ธุรกิจได้รับ และข้อมูลเชิงลึก (Insights) ของการดำเนินการขององค์กรแบบ Real-time ซึ่งธุรกิจสามารถใช้แบบแปลนนี้เพื่อพิจารณาถึงข้อด้อย สิ่งที่ต้องปรับปรุง และโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆได้

Hyperautomation คือการสร้างตัวตนในโลกดิจิทัลขององค์กร

Digitalisation เป็นเทรนด์ยักษ์ใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ด้วยแนวคิดที่ว่าการอยู่ในรูปแบบดิจิทัลนั้นจะช่วยปลดล็อคความสามารถและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับสิ่งต่างๆได้ เอกสารกระดาษเมื่อถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัลแล้วสามารถค้นหาข้อความ และส่งต่อได้โดยง่าย เครื่องจักรเมื่ออยู่ในโลกดิจิทัลแล้วก็สามารถปรับเปลี่ยน ทดลองใช้งานได้ตามใจโดยไม่สิ้นเปลืองและเสียหาย คนที่ไม่มีทักษะก็สามารถฝึกขับเครื่องบินหรือผ่าตัดได้ในโลกเสมือน

โลกดิจิทัลนั้นไม่มีปัจจัยทางกายภาพมาเป็นข้อจำกัด การส่งต่อรูปถ่ายหรือข้อมูลง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็อาจเกิดได้เพียงเปลี่ยนการตั้งค่าอะไรบางอย่างเท่านั้น เมื่อหลายอย่างสะดวกขึ้น และขีดความสามารถถูกขยายขึ้นไป ก็ทำให้การทำให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล หรือ Digitalisation น่าดึงดูดใจสำหรับธุรกิจที่แสวงหาการเพิ่มประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา

Hyperautomation ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนบางอย่าง (เช่น เอกสาร) ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลเท่านั้น แต่เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนกระบวนการทำงานทุกอย่างให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ดำเนินการโดยเทคโนโลยี คิดวิเคราะห์ เฝ้าระวัง และแก้ปัญหาโดยสมองดิจิทัล วัดผลแบบดิจิทัล และเสนอแนวทางการเปลี่ยนแปลงโดยเทคโนโลยีดิจิทัล

ในบทความหนึ่ง Gartner ได้กล่าวถึงผลลัพธ์ของการทำ Hyperautomation ว่าคือการสร้าง Digital Twin ของทั้งองค์กร เพียงแต่ Digital Twin นี้นั้นเป็นการทำงานจริง มีการดำเนินงานและสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้จริง ไม่ใช่การจำลองขึ้นเพื่อทดลองในโลกเสมือนแต่อย่างใด

Hyperautomation นั้นเป็นวิสัยทัศน์ เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน หรือเพียงการเปลี่ยนบางส่วนขององค์กรเพื่อต้อนรับยุคดิจิทัล แต่เป็นการเปลี่ยนทั้งองค์กรเป็นระบบดิจิทัลอย่างเต็มตัว