9 วิธี สู่วิถีไร้กระดาษ

0

“สังคมไร้กระดาษ” อาจเป็นจริงได้ยาก แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากคุณมีความคิดอยากลดใช้กระดาษในทุกย่างก้าวของชีวิต คงไม่มีเวลาไหนจะดีไปกว่าตอนนี้อีกแล้วในยุคที่มีเทคโนโลยี อุปกรณ์ Gadget และแอปพลิเคชันต่าง ๆ รองรับพร้อมเข้ามาเป็นอีกทางเลือกสู่การใช้ชีวิตแบบไม่ใช้กระดาษ 

บทความนี้ ADPT จึงขอแนะนำ 9 วิธีลดกระดาษด้วยการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ง่าย ๆ ในยุคดิจิทัล ให้คุณรักษ์โลกได้แบบไม่ต้องฝืน ถ้าคุณพร้อมเปลี่ยนแล้ว ลองไปอ่านคำแนะนำสู่วิถีไร้กระดาษกันเลย

1. เซ็นเอกสารดิจิทัล

ไม่ต้องสั่งปรินต์เอกสารสัญญาให้ยุ่งยาก แค่มีแอป Adobe Fill & Sign หรือ SignEasy ก็เซ็นชื่อลงเอกสารดิจิทัลได้ทันทีบนมือถือหรือแท็บเล็ตของคุณเอง แถมยังได้เก็บสำเนาดิจิทัลไว้ในเครื่องของคุณเองพร้อมเรียกดูได้ตลอดด้วย

2. ถ่ายรูปสแกนใบเสร็จและเอกสาร

หมดยุคแล้วกับการเก็บใบเสร็จไว้ในกระเป๋าเงิน หรือเก็บเอกสารไว้ในลิ้นชักที่พอจะกลับมาหาก็หาไม่เจอ หันมาใช้กล้องบนมือถือให้เป็นประโยชน์ ก็สามารถถ่ายรูปสแกนเอกสารและเก็บข้อมูลไว้ในมือคุณได้เลย 

แอปสมัยนี้ก็ฉลาดพอที่จะตัดขอบภาพและสแกนเอกสารได้เหมือนเครื่องสแกนเลย อย่างแอป Adobe Scan หรือ SwiftScan แบบใช้งานฟรีก็ดีเพียงพอแล้ว หรือ Office Lens ที่บิวต์อินมากับ OneDrive ก็เรียกว่าครบเครื่อง สแกนปุ๊บเซฟปั๊บในที่เดียว

(Image credit: Adobe Scan)

3. ใช้คลาวด์เก็บเอกสาร

แทนที่จะเก็บเอกสารใส่แฟ้มเข้าตู้ ก็หันมาใช้บริการพื้นที่บนคลาวด์อย่าง Google Drive หรือ OneDrive แทนจะดีกว่า เวลาจะเรียกใช้งานก็ค้นหาง่าย แถมเอกสารสำคัญก็อยู่กับตัวเราตลอดเสมือนพกไปทั้งแฟ้มเลย

สำหรับแอป Google Drive ก็เป็นแอปพื้นที่เก็บข้อมูลประจำอุปกรณ์ Android มาพร้อมกับพื้นที่ฟรีขนาด 15GB ให้คุณสามารถสร้างโฟลเดอร์ใหม่ สแกน อัปโหลดไฟล์เก็บไว้บนคลาวด์พร้อมเรียกดูได้ทุกเมื่อ

หรือถ้าคุณสมัครสมาชิก Microsoft 365 ก็สามารถใช้พื้นที่บน OneDrive ด้วยความจุถึง 1TB เลย ซึ่ง OneDrive ก็มีบริการ Private Vault อีกบริการเพื่อความมั่นคงปลอดภัยเพิ่มเติมสำหรับเอกสารส่วนตัวและละเอียดอ่อนด้วย

(Image credit: Deemerwha studio/Shutterstock)

4. จดบันทึกลงแอปจดโน้ตดิจิทัล

ถ้าใครเป็นพวกชอบจดลงสมุดหรือโพสต์อิท ลองเปลี่ยนมาใช้แอปจดโน้ตอย่าง Google Keep หรือ Microsoft OneNote ดูก็ไม่เลว ด้วยคุณสมบัติการจดโน้ตขั้นพื้นฐาน มีตัวเลือกฟอร์แมตหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรายการสิ่งที่ต้องทำ วาดรูปก็ได้ด้วยปากกาสีต่าง ๆ รวมไปถึงการรองรับการแชร์โน้ตให้คนอื่นก็ได้ด้วย

ส่วน Microsoft OneNote ก็เป็นแอปจดโน้ตที่เหมือนกับสมุดโน้ตจริง ๆ แบ่งประเภทจัดระเบียบชัดเจน มีฟีเจอร์เครื่องมือวาดรูป ฟอร์แมตหลากหลาย มีตัวอัดเสียงอัดวิดีโอในแอป เขียนสมการคณิตศาสตร์หรือทำเป็นตารางก็ได้ แถมใช้งานฟรีอีกต่างหาก

(Image credit: Jess Bailey/Unsplash)

5. สมัคร Subscription อ่านบนแอป

บอกลาการสมัครรับสิ่งพิมพ์แบบเดิม ๆ ไปได้เลย เพราะเดี๋ยวนี้สื่อสิ่งพิมพ์หลาย ๆ เจ้า ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ต่างก็หันมาผลิตสื่อออนไลน์กันหมดแล้ว ซึ่งมีทั้งรูปแบบเปิดให้อ่านกันฟรี ๆ บนเว็บและแอปพลิเคชัน หรือแบบสมัคร Subscription เพื่อเข้าถึงเนื้อหา ข่าวสารหรือบทความสกู๊ปพิเศษเฉพาะสมาชิกเท่านั้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้อ่านแล้วว่าต้องการติดตามคอนเทนต์จากสื่อค่ายไหน

6. ทดความคิด จดไดอารีลงแอปบันทึกประจำวัน

ใครเป็นสายเที่ยว ไม่ต้องพกสมุดบันทึกกับปากกาติดตัวก็ได้ แค่ดาวน์โหลดแอป Journey ก็จดบันทึกความทรงจำดี ๆ ลงมือถือได้เลย ซึ่งสามารถเขียนข้อความ แนบตำแหน่งโลเคชันที่เที่ยว แนบไฟล์ภาพหรือวิดีโอได้ ไว้ย้อนกลับมาดูบนปฏิทินในแอปได้เลย

7. สแกนรูปเก่า

ถ้าใครยังมีภาพฟิล์มอัดไว้ หากไม่เก็บดี ๆ ก็อาจฉีดขาด สีซีดจาง หรือถึงขั้นโดนปลวกกินได้ ทีนี้ก็ถึงเวลาแปลงรูปเก่าให้เป็นไฟล์ภาพดิจิทัล ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง จะถ่ายสแกนเองหรือให้แอปอย่าง Photo Scan ช่วย แถมปรับแต่งสีภาพเก่าให้ดูเหมือนพึ่งถ่ายมาใหม่ ๆ เลยด้วยก็ได้เช่นกัน

8. อ่าน E-book แทนซื้อหนังสือกระดาษ

สำหรับหนอนหนังสือแล้ว คงไม่มีอะไรให้ความรู้สึกฟินเท่ากับการพลิกหน้ากระดาษ แล้วดำดิ่งไปกับหนังสือเล่มโปรด แต่ E-book ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดกระดาษ แถมยังช่วยลดพื้นที่จัดเก็บทางกายภาพ ไม่ต้องหาชั้นวางสำหรับหนังสือเล่มใหม่ แค่คลิกเดียวก็ดาวน์โหลดลงเครื่องพร้อมพกไปอ่านที่ไหนก็ได้แล้ว

Amazon Kindle เรียกได้ว่าเป็นแอปยอดนิยมสำหรับหนังสือต่างประเทศเลย ในบ้านเราเองก็มีแอปร้านหนังสือจำหน่าย E-book ภาษาไทยให้อ่านกันบนแอปเลย เช่น แอปร้านนายอินทร์ หรือแม้แต่ห้องสมุดออนไลน์สำหรับองค์กรอย่าง Hibrary ก็ถือว่าตอบโจทย์คนรักการอ่านไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังเหมาะกับสถานการณ์ COVID-19 ที่ต้องลดการใช้สิ่งของร่วมกันอย่างหนังสืออีกด้วย

(Image credit: Oleksiy Mark/Shutterstock)

9. เปลี่ยนทีละนิดให้กลายเป็นนิสัย

ยังมีเกร็ดเล็กน้อยอื่น ๆ ที่ช่วยให้คุณใช้ชีวิตแบบ Paper-free ได้ เริ่มจากการขอผู้ให้บริการต่าง ๆ เช่น ธนาคาร ผู้ให้บริการบัตรเครดิต การไฟฟ้า การประปา ยกเลิกการส่งเอกสารกระดาษ แต่เปลี่ยนมารับจดหมายทางอีเมลแทน หรือถ้าคุณไปกดตู้ ATM ก็ไม่ต้องขอพิมพ์ใบทำรายการก็ได้ เปลี่ยนมาใช้ Google Sheets จดบันทึกรายการแทน

บทส่งท้าย

ทั้งหมดนี้ก็คือ 9 วิธีที่ช่วยลดการใช้กระดาษง่าย ๆ และหันมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้ แถมส่วนใหญ่ก็สามารถดาวน์โหลดให้ใช้งานฟรีได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี ผู้เขียนเชื่อว่ายังมีวิธีการลดใช้กระดาษอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ ขอเพียงมีความตั้งใจ คุณเองก็อาจค้นพบวิธีลดกระดาษในแบบฉบับของคุณเองได้เช่นกันค่ะ

(บทความนี้อ้างอิงและดัดแปลงมาจากบทความ 9 easy tips and tricks for going paper-free เขียนโดย Parth Shah จากเว็บไซต์ Android Police)