หลังจาก Meta ปล่อย PyTorch ออกมาให้ใช้งานเป็นเวลา 6 ปี ล่าสุด Meta จึงได้ประกาศ Spin off ออกมาให้กลายเป็น “PyTorch Foundation” ที่จะไปเป็นส่วนหนึ่งของ Linux Foundation ที่ไม่แสวงหาผลกำไรต่อไป โดย Meta ต้องการให้กระจายอำนาจให้กับเครื่องมือ เพื่อที่จะทำให้นวัตกรรมต่าง ๆ สามารถเข้าถึงได้ทุกคน
สำหรับนักวิจัยหรือนักพัฒนาระบบในด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ต้องรู้จักกับเฟรมเวิร์ก “PyTorch” ที่ได้กำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2016 โดย Meta อย่างแน่นอน โดย PyTorch เป็นโครงการ AI Library ที่ทาง Meta ได้ปล่อย Opensource ออกมาเพื่อใช้ในงานวิจัยด้าน AI ซึ่งจนถึงปัจจุบันได้มีผู้ใช้มากกว่า 150,000 โครงการจาก 2,400 Contributer แล้ว จึงถือได้ว่าตอนนี้ PyTorch คือหนึ่งในเฟรมเวิร์กชั้นนำที่วงการงานวิจัย AI ก็ว่าได้
“นักวิจัยที่มีการส่งผลลงานเข้ามาในงานสัมมนาด้าน Machine Larning (ML) อย่างเช่น NeurIPS หรือ ICML ล้วนใช้งานเฟรมเวิร์ก [PyTorch] กว่า 80%” คุณ Mark Zuckerberg กล่าวในงานแถลง
“พวกเราได้สร้างชุด Libraries ที่สนับสนุนโดเมนหลัก ๆ ในด้าน AI อย่างเช่น torchvision ที่สามารถสนับสนุนงานวิจัยด้าน Computer Vision สมัยใหม่ที่สุดของโล เป็นต้น” คุณ Zuckerberg กล่าวเสริม “เฟรมเวิร์กนี้จะยังคงเติบโตไปเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยด้าน AI และวิศวกรรมของ Meta ด้วย”
แม้ว่า PyTorch จะไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของ Meta อีกต่อไปแล้ว หากแต่ Meta ก็ยังคงจะใช้งาน PyTorch เป็นแพลตฟอร์สำหรับงานวิจัยและงานเชิงพาณิชย์ด้าน AI ขององค์กรเช่นเดิม ซึ่ง Mark Zuckerberg ได้โน้ตไว้ด้วยว่าบริษัทมีแผนที่จะรักษา “การแยกส่วนที่ชัดเจนระหว่างธุรกิจกับการกำกับดูแลทางเทคนิค”ของมูลนิธิด้วย
เป็นไปได้ว่า PyTorch เฟรมเวิร์กยอดนิยมระดับโลกที่ Spin Off ออกมานี้ อาจจะมีวิวัฒนาการที่รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม และเป็นไปได้ที่อาจจะแซงหน้าเฟรมเวิร์กอื่น ๆ ที่อาจเป็นผู้นำก่อนหน้านี้ได้ หากมีการปรับใช้กันมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด