ล่าสุดทาง Forrester Research ได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับไฮไลท์ในเรื่องของเทคโนโลยี AI ที่กำลังจะวิวัฒนาการไปอีกขั้นจากเทรนด์ที่ “มีก็ดี (Nice-To-Have)” สำหรับองค์กร จะกลายมาเป็น”ต้องทำเป็นลำดับความสำคัญ (Must-Do Priority)” ขององค์กร ซึ่ง Forrester ได้คาดการณ์ 5 เหตุการณ์ที่จะเริ่มเห็นการใช้งานเทคโนโลยี AI ในระดับองค์กรภายในปี 2023 ชนิดที่ขาดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนี้
1. องค์กรใน Fortune 500 ราว 10% จะมีการสร้าง Content ด้วยเครื่องมือ AI
เตรียมตัวรับมือให้พร้อม เพราะ AI ที่ต่อยอดจาก Transformer นั้นมีประสิทธิภาพทรงพลัง งานแนว ๆ Generative AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าจะงานแนว Computer Vision หรือ Text-To-Image จะเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นแน่นอน
โดยรายงาน Forrester ได้พูดถึงผู้เล่นชั้นนำอย่าง Baidu และ Huawei ที่ได้เริ่มเปิดบริการ Digital Content ด้วยเทคโนโลยี Computer Vision หรือสตาร์ตอัปอย่าง Synthesia และ HourOne.ai ที่ใช้ AI เพื่อสร้าง Video Content ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น หรือว่าเครื่องมืออย่าง DALL-E ที่กำลังจะทำให้เกิด Content ใหม่ ๆ ขึ้นมา
2. TuringBots จะเขียนโค้ดและทดสอบไปถึงราว 10% ของทั้งโลก
AI เขียนโค้ดเริ่มเป็นเทรนด์มากขึ้นเรื่อย ๆ และพัฒนาการของ Reinforcement Learning หรือ Large Language Model ก็รวดเร็วเสียเหลือเกิน พวกเครื่องมืออย่าง Amazon Code-Whisperer, Code Bot หรือ GitHub Copilot จะเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
“ผู้คนกำลังพัฒนา TuringBots ที่จะมุ่งเน้นในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และการเชื่อมต่อของแต่ละแอปพลิเคชัน ที่มันเป็นงานที่ทำซ้ำเรื่อย ๆ จริง ๆ” คุณ Rowan Curran นักวิเคราะห์ด้าน AI และ ML แห่ง Forrester กล่าว “การปรับใช้ TuringBots สำหรับงานยิบย่อยทั้งหลายนั้นเป็นส่วนที่สำคัญสำหรับแอปพลิเคชันสำหรับองค์กร”
3. จำนวน 1 ใน 4 ของ C-Level องค์กรจะเริ่มมีการรายงานเรื่องการกำกับดูแล AI ให้กับบอร์ดบริหาร
ดังที่เห็นว่าผู้คนเริ่มมองหาการกำกับดูแลเรื่อง AI หลังจากที่ AI ได้เริ่มเป็นที่นิยมในวงกว้างมากยิ่งขึ้น Forrester จึงทำนายว่าเรื่องกำกับดูแลระบบ AI (Governance) จะกลายเป็นเรื่องสำคัญในระดับบอร์ดบริหาร นอกจากเรื่อง Cybersecurity และ Compliance ที่จำเป็นสำหรับการบรรเทาความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ ข้อมูลในรายงานแสดงให้เห็นว่า 46% ของผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องข้อมูล การวิเคราะห์ หรือเทคโนโลยีนั้นกำลังมองหาพาร์ตเนอร์เพื่อพัฒนาในเรื่องนี้สำหรับธุรกิจ ซึ่งได้ชี้ให้เห็นว่า Accenture, BCG, Deloitte EY และ McKinsey นั้นได้เริ่มมีบริการตรวจสอบและฝึกอบรมผู้บริหารเกี่ยวกับการกำกับดูแลระบบ AI แล้ว
4. AI ในอุตสาหกรรม Healthcare จะสามารถลดเวลารักษาลงไปได้ 25%
นอกจากเรื่องของ Telemed ความซับซ้อนในการจัดนัดหมายยังคงมีความท้าทาย บางทีนัดแล้วมาบ้างไม่มาบ้าง ดังนั้น AI จะมีบทบาทในเรื่องพวกนี้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปสู่เรื่องอื่น ๆ เช่น ความครอบคุลมประกัน สถานที่ที่พร้อมให้บริการ ตัวแปรที่อาจจะต้องยกเลิกนัดหมาย เป็นต้น ซึ่งการแก้ปัญหาเหล่านี้จะช่วยทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีเวลามากขึ้นโดยเฉลี่ย 25%
“นี่เป็นเพียงแค่สิ่งหนึ่งที่เห็นว่า AI กำลังเข้าไปแก้ปัญหาขั้นพื้นฐานที่สุดในบาสายงาน นอกจาก Use Case ที่ดูหวือหวาที่เกิดขึ้นมา” คุณ Curran กล่าว “เรื่องสุขภาพและค้าปลีกจะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกม (Game Changer) ที่ถ้าหากมีประสิทธิภาพที่ดีแล้ว การลดเวลา 25% ในการดูแลไปได้นั้นจะเป็นก้อนที่ใหญ่มาก”
5. ระบบผู้ช่วยเสมือนไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาแบบมนุษย์อีกต่อไป
ด้วยพัฒนาการของ Conversational AI จึงทำให้ทาง Forester คาดการณ์ว่าองค์กรจะลดความสำคัญของการทำให้หน้าตาเหมือนมนุษย์ลงไป งานปรับปรุงเรื่องความเชื่อใจมากขึ้นแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจ B2B
โดย Forrester ค้นพบว่า 65% ของนักการตลาด B2B ได้ใช้ระบบผู้ใช้ AI เพื่อ Engage ลูกค้าและพนักงานแล้ว ซึ่งบางครั้งระบบผู้ช่วยเสมือน (Virtual Assistant) นั้นก็แกล้วทำให้เป็นเหมือนมนุษย์ ซึ่งหลายองค์กรรู้สึกแล้วว่าเหมือนถูกหลอกอยู่ ดังนั้นหลาย ๆ บริษัทจึงใช้เรื่องความโปร่งใส (Transparency) ในการทำให้ระบบผู้ช่วย AI นั้นมีความชัดเจนว่าเป็นระบบเสมือนจริง ๆ แทน
สำหรับผู้ที่สนใจรายงานฉบับเต็มจากทาง Forrester Research สามารถอ่านได้ที่นี่
ที่มา: https://venturebeat.com/ai/5-ways-forrester-predicts-ai-will-be-indispensable-in-2023