NTT และ Cisco ได้ประกาศความร่วมมือที่จะสร้างและนำเอาเทคโนโลยีในตลาดและบริการ Managed Services ต่าง ๆ มาทำให้ลูกค้าองค์กรสามารถ Deploy ใช้งานโครงข่าย Private 5G ได้อย่างรวดเร็ว
ตามข้อมูลจาก IDC นั้นได้คาดการณืว่าตลาด Private 5G ทั่วโลกจะมีมูลค่าพุ่งไปสูงถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2026 หรือว่ามีอัตราการเติบโตแบบทบต้นจากปี 2022 ถึง 35.7% เสริมด้วยรายงาน Global Network Report ของทาง NTT ที่ชี้ให้เห็นว่า 70% ของผู้บริหารระดับ C-Level เผยว่าเน็ตเวิร์กปัจจุบันของพวกเขานั้นได้ส่งผลเสียต่อธุรกิจ และ 86% มีแผนที่จะปรับใช้ (Adopt) เทคโนโลยี Private 5G เพื่อขับเคลื่อนการทำ Network Modernization อีกด้วย สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าตลาดนี้มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง
ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเร่งการทำ Edge Connectivity ผ่านโซลูชัน Managed Private 5G ของทาง NTT มาผสมผสานกับฮาร์ดแวร์จากทาง Intel ที่จะทำให้ลูกค้าของ Cisco และ NTT สามารถเชื่อมโยง Private 5G ไปสู่โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ขององค์กรอย่าง LAN, WAN หรือว่า Cloud ได้โดยง่าย
เป้าหมายของทั้งสองคือต้องการตอบโจทย์องค์กรที่กำลังลงทุนในเรื่อง Network Modernization ที่สนใจทั้งเรื่องความมั่นคงปลอดภัย (Security) ผลิตภาพ (Productivity) และความยั่งยืน (Sustainability) ที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลาย ๆ แห่งเลือกใช้งาน Private 5G เพื่อตอบโจทย์ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ
โดยทั้ง Cisco และ NTT จะร่วมมือกันช่วยเหลือลูกค้าระดับองค์กรในการเร่งทำ Digital Transformation ด้วยเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi ให้เกิดขึ้นทั้งในกระบวนการดำเนินงานของ IT และ OT ซึ่ง Cloud-managed Private 5G ที่จัดการได้ผ่าน Cloud นั้นจะสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายเน็ตเวิร์ก Fabric ของลูกค้าให้ทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย และ “ทำให้มีนโยบาย (Policy) ร่วมกันและเกิดเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Zero Trust Security” คุณ Masum Mir รองประธานอาวุโส และผู้จัดการทั่วไปสำหรับ Provider Mobility แห่ง Cisco Networking กล่าว “เป้าหมายคือการลดความเสี่ยงทั้งในส่วนเทคโนโลยี การเงิน และกระบวนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงข่าย 5G”