AWS รับผิดชอบการใช้น้ำ ด้วยการลดการใช้น้ำในศูนย์ข้อมูลและคืนน้ำให้แก่ชุมชนของเรา [Guest Post]

0

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกําลังกระตุ้นให้เกิดสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจทําให้เกิดความลำบากในการเข้าถึงน้ำจืดที่สะอาด ภายในสิ้นทศวรรษนี้ความต้องการน้ำทั่วโลกคาดว่าจะสูงกว่าอุปทานประมาณ 40% จากข้อมูลของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย พบว่าประชากร 1.5 พันล้านคนในเอเชียในพื้นที่ชนบท และอีก 600 ล้านคนในเขตเมืองยังคงขาดแคลนน้ำประปาและสุขอนามัยที่ได้มาตรฐาน

“การขาดแคลนน้ำเป็นหนึ่งในปัญหาที่สําคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน” บทความนี้จัดทำโดย แน็ต ซาห์ลสตรอม หัวหน้าฝ่ายพลังงาน น้ำ และความยั่งยืนของ AWS

วันที่ 22 มีนาคมของทุกปี ถือเป็นวันน้ำโลก (World Water Day) และวันศูนย์ข้อมูลสากล (International Data Center Day) และเนื่องจากศูนย์ข้อมูลต้องใช้น้ำในการระบายความร้อน จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะแบ่งปันสิ่งที่ Amazon Web Services (AWS) ทำ เพื่อการเป็นเพื่อนบ้านและการเป็นผู้ดูแลการใช้น้ำที่ดี สําหรับ AWS การสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนสําหรับลูกค้าและชุมชนของเรา หมายถึงการลดปริมาณน้ำที่เราใช้ในการทําให้ศูนย์ข้อมูลเย็นลง แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าเราดำเนินการอย่างไร

แนวทางการใช้น้ำของเราเริ่มต้นจากความมุ่งมั่นที่จะคืนน้ำสะอาดสู่สิ่งแวดล้อมมากกว่าที่นำมาใช้ หรือการตั้งเป้าให้ AWS กลายเป็น Water Positive ให้ได้ภายในปี 2573 ซึ่งหมายความว่าเราจะคืนน้ำให้แก่ชุมชนมากกว่าที่เราใช้ในการดำเนินงานของเรา และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามคํามั่นสัญญานี้ เรากําลังนำแนวทางสี่ประการมาปรับใช้ ได้แก่ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เลือกใช้แหล่งที่ยั่งยืน การใช้ซ้ำ และการจัดหาแห่งน้ำสะอาดเพิ่มเติม

เมื่อใช้น้ำที่ศูนย์ข้อมูลของเรา เราจะให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพโดยใช้การทำความเย็นแบบระเหยโดยตรง หรือ direct evaporative ทุกครั้งที่ทำได้ โดยมีหลักการคือเมื่อน้ำระเหยก็จะช่วยลดอุณหภูมิของตัวกลางทำความเย็น (ไม่ว่าจะเป็นอากาศหรือน้ำ) ที่ไหลผ่านศูนย์ข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิอากาศภายในศูนย์ข้อมูลของเรา กระบวนการนี้ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ภายในศูนย์ข้อมูลของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เมื่อพวกเขาจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลทั้งหมดที่ทำให้การทำงานของเซิร์ฟเวอร์ต้องทำงานหนักมาก การที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีอากาศเย็นกว่า เช่น ออสเตรเลียและญี่ปุ่น การใช้อากาศภายนอกในการระบายความร้อน จึงเป็นการใช้น้ำเพียง 5-20 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเท่านั้น

นวัตกรรมและเทคนิคประเภทนี้ยังส่งผลให้ศูนย์ข้อมูลของ AWS ใช้น้ำเฉลี่ย 0.25 ลิตรต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งศูนย์ประมวลผลระบบคลาวด์ทั่วไป ใช้ปริมาณน้ำมากกว่านั้นถึง 4 เท่า

นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว AWS ยังทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อค้นหาโซลูชันใหม่ ๆ ร่วมกับผู้นำในภาคส่วนต่าง ๆ ณ วันนี้ AWS ใช้ “น้ำรีไซเคิล” ในการดำเนินงานที่ศูนย์ข้อมูลของ Amazon 20 แห่งทั่วโลก รวมถึงศูนย์ข้อมูลอีก 2 แห่งในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการนำน้ำจากการบำบัดน้ำเสียกลับมาใช้ โดยผ่านขั้นตอนการทำความสะอาดตามมาตรฐานอุตสาหกรรม และผ่านระบบท่อแยกสีม่วงเพื่อแยกออกจากน้ำสะอาดทั่วไปก่อนนำมาใช้ซ้ำ

ท้ายที่สุดแล้วการเข้าถึงน้ำสะอาดเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และเรายังคงมุ่งมั่นในการหาวิธีในการที่จะคืนน้ำสะอาดให้แก่ชุมชนของเราต่อไป ในประเทศอินโดนีเซียเราได้ร่วมมือกับ Water.org องค์กรไม่แสวงหากําไร เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำในชนบท ด้วยการปรับปรุงการเข้าถึงน้ำสะอาดสําหรับผู้คนมากกว่า 35,000 คนบนเกาะชวา ผ่านการขยายโครงสร้างพื้นฐาน โปรแกรมการเงินรายย่อย และการฝึกอบรมด้านเทคนิค สำหรับประเทศอินเดียทาง AWS ทํางานร่วมกับ Water.org และ Water Aid เพื่อให้การเข้าถึงน้ำสะอาดแก่ผู้คนมากกว่า 250,000 คนทั่วรัฐเตลังคานา รัฐอานธรประเทศ และรัฐมหาราษฏระ โดยโปรแกรมเหล่านี้รวมถึงสินเชื่อการเงินรายย่อยเพื่อช่วยชุมชนในบริเวณใกล้เคียงในการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับการเชื่อมต่อระบบแหล่งน้ำ ทําให้สามารถแก้ปัญหาน้ำและสุขอนามัยที่จะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ในระยะยาว

ความพยายามของเราในด้านการบริหารจัดการน้ำจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก เมื่อมีการใช้บริการ AWS Cloud สำหรับโซลูชันนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน นี้จึงเป็นเหตุผลที่ AWS และ Water.org กําลังเริ่มต้นความร่วมมือครั้งใหม่ ที่จะนําพลังของระบบคลาวด์มาสู่ระบบการบริหารงานของ Water.org ทั่วโลก โดยองค์กรของพวกเราจะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างระบบการจัดการการเรียนรู้ (Learning Management System: LMS) บนควานด์ของ AWS ที่ Water.org คาดว่าจะช่วยเพิ่มการเบิกจ่ายสินเชื่อ โดยมีศักยภาพในการลดต้นทุนต่อคนที่เข้าถึงได้ประมาณ 10% ขึ้นไป ส่งผลให้ Water.org สามารถให้บริการน้ำและสุขอนามัยแก่ผู้คนจำนวน 5 ล้านคนหรือมากกว่านั้นจากการคาดการณ์ไว้ในอีก 10 ปีข้างหน้า

เราจะยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นําการอนุรักษ์และเป็นแบบอย่างในการใช้น้ำ และหวังว่าจะได้ร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศต่าง ๆ ที่มีแนวคิดเดียวกันเพื่อทําสิ่งต่าง ๆ ร่วมกันมากขึ้นในภูมิภาคเอเชีย การขาดแคลนน้ำถือเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลกและเรามุ่งมั่นที่จะทําหน้าที่ของเรา เพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แน็ต ซาห์ลสตรอม (Nat Sahlstrom) ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพลังงาน น้ำ และความยั่งยืนของ AWS โดยทีมของเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของ AWS และยังมีหน้าที่ในการดูแลด้านการจัดซื้อและส่งมอบสาธารณูปโภคทั่วโลกสําหรับศูนย์ข้อมูล AWS ก่อนหน้านี้ เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการด้านนโยบายพลังงานและนักยุทธศาสตร์ด้านพลังงานหลักของ Amazon.com ทั้งนี้เขายังทําหน้าที่ในการพัฒนาธุรกิจ การจัดหาเงินทุนระยะยาวด้านพลังงาน และเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายสาธารณะ เขาสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และได้รับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเดียวกันอีกด้วย

เกี่ยวกับอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส

ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) เป็นบริการคลาวด์ที่ครอบคลุมและกว้างขวางที่สุดในโลก AWS ขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการทำงานบนคลาวด์ทุกรูปแบบ ซึ่งในปัจจุบันมีบริการอย่างเต็มรูปแบบกว่า 200 รายการ สำหรับการคำนวณ การจัดเก็บข้อมูล ฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย การวิเคราะห์ การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning: ML) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things: IoT) โทรศัพท์มือถือ การรักษาความปลอดภัย ไฮบริด เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Virtual Reality: VR) และการรวมวัตถุเสมือนเข้ากับสภาพแวดล้อมจริง (Augmented Reality: AR) สื่อและการพัฒนาแอปพลิเคชัน การใช้งาน และการจัดการจาก 99 Availability Zones (AZs) ใน 31 ภูมิภาค พร้อมประกาศแผนสำหรับ Availability Zones เพิ่มเติมอีก 12 แห่ง และอีกสี่ AWS Regions ในแคนาดา อิสราเอล นิวซีแลนด์ และประเทศไทย ลูกค้ากว่าล้านรายรวมไปถึงสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว องค์กรขนาดใหญ่ และหน่วยงานภาครัฐ ต่างเชื่อมั่นใน AWS ในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขาให้มีความคล่องตัวมากขึ้นและมีต้นทุนที่น้อยลง หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AWS สามารถเข้าไปที่ aws.amazon.com